
นี่คือสำนักงานของฉัน [ภาพ] ฉันอยู่ในนั้น - นักกีฬาที่กระโดดเข้าไปในความสับสนและความไม่แน่นอน เอาความฝันเข้าเสี่ยง อ่อนแอต่อความคาดหวังและความกดดัน และเชื่อว่าความพร้อมและจิตใจของฉันจะพาฉันไปยังที่ที่ต้องการแม้ว่าจะมีอีก 2,000 คนในเส้นทางที่ฉันกำลังเดิน แต่ฉันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมที่จะเปลี่ยนความอลหม่านนั้นสู่ความสำเร็จแบบค่อยเป็นค่อยไป ฉันเชื่อสุดหัวใจว่าจะพบเส้นทางสู่ความเป็นเลิศด้วยตนเอง ฉันได้ซักซ้อมกับสิ่งนี้ อยู่กับสิ่งนี้ จินตนาการถึงสิ่งนี้และตอนนี้ฉันมีโอกาสที่จะได้ทำมันจริงๆ นี่คือความสงบที่สุดที่ฉันรู้สึกได้ทั้งวัน!
ฉันได้ยืนบนจุดเริ่มต้นมาหลายร้อยแห่งทั่วโลก - ในทุกทวีป ฉันได้แข่งกับนักกีฬาที่ดีที่สุดในโลกในการแข่งขันที่สั้นกว่าหนึ่งชั่วโมงและนานถึง 10 ชั่วโมง ระยะทางที่ฉันชอบคือ ระยะทางที่ยากและยาวที่สุดจากระยะทางทั้งหมด - การแข่งขัน Ironman กับการว่ายน้ำ 3.8 กิโลเมตร ปั่นจักรยาน 180 กิโลเมตรและวิ่ง 42 กิโลเมตร ฉันเข้าร่วมการแข่งขัน Ironman 33 ครั้งด้วยกันและชนะ 11 ครั้ง เราทุกคน ณ จุดเริ่มต้นสามารถชนะ แต่นักกีฬาบางคนไม่มีทางชนะในการแข่งขัน Ironman ความแตกต่างของพวกเราคืออะไร ครูฝึกวิ่งโรงเรียนมัธยมของฉันบอกว่าฉันไม่มีความสามารถ คุณจะเป็นแชมป์ในการทำงานหนักคนเดียวได้หรือไม่ แชมป์ในการแข่งขันกีฬา การทำธุรกิจและการใช้ชีวิตขับเคลื่อนด้วยไฟจากข้างในเพื่อเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อเปลี่ยนคำว่า “ไม่” เป็นคำว่า “ใช่” และเพื่อค้นหาทางที่ไม่มีทางออก
แชมป์บอกครูฝึกวิ่งของเขาหรือเธอว่า “ฉันต้องทำได้สิ - ฉันจะใช้หัวใจและจิตใจของฉัน”
จิตใจเป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของร่างกายฉัน จิตใจเป็นส่วนที่ผลักดันฉันเมื่อกล้ามเนื้อของฉันล้มเหลว; จิตใจของฉันจะเปลี่ยนความยาก ลำบากให้เป็นความสำเร็จ
และมันเริ่มต้นที่จุดเริ่มต้นด้วยมนตราที่เรียบง่ายแต่แน่นอน: “ทำสิ่งที่คุณเริ่มให้เสร็จ; แข่งด้วยหัวใจ” ความสำเร็จสูงสุดในชีวิตคือ การรวมศักยภาพในการแข่งขันเข้าด้วยกัน - คุณต้องปรารถนามันและตามหามัน - และมีความเมตตากรุณา – เมตตาต่อตนเองและ รักในสิ่งที่คุณกำลังทำ และเมื่อคุณมีทั้งสองสิ่งนี้ คุณจะสามารถทำได้ทุกอย่างที่คุณได้เริ่มเอาไว้ซึ่งจะนำมาซึ่งความสำเร็จ
ฉันต้องการแบ่งปันกลวิธีในการชนะ - ฉันเคยใช้ในการแข่งขันกีฬาในฐานะนักกีฬามืออาชีพ แต่ตอนนี้เมื่อฉันเปลี่ยนจากนักกีฬา เต็มเวลาเป็นผู้ฝึก นักเขียน วิทยากรผู้ประกอบการและนักกีฬาประเภทกลุ่มอายุ กลยุทธ์เหล่านั้นมีความเกี่ยวข้องมากกว่าเดิม
และจุดเริ่มต้นที่ดีคือ ณ เส้นเริ่มต้นด้วยความมุ่งมั่นอย่างมั่นใจที่จะทำสิ่งที่คุณเริ่มให้เสร็จและทำมันด้วยใจ
ขั้นตอนแรกคือ การเข้าใจอย่างแท้จริงว่าเมื่อคุณตั้งเป้าหมายในการทำงานคุณต้องทำให้เสร็จ แชมเปี้ยนอาจไม่ข้ามเส้นชัยเป็นคนแรก เสมอไป แต่แชมเปี้ยนจะ ต้องไปให้ถึงเส้นชัยเสมอ คุณไม่สามารถละทิ้งหน้าที่การงานได้เพียงเพราะสถานการณ์ไม่เป็นไปดั่งใจหวังไว้ หรือเพราะคุณกำลังได้รับการทดสอบสภาพจิตใจ หรือเพราะคุณกลัวที่จะล้มเหลว การไล่ตามเป้าหมายนั้นมีความเสี่ยง คุณให้เวลา ทุ่มเทพลังและความสามารถกับโครงการของคุณ และมันเป็นเรื่องที่น่ากลัวเมื่อเราไม่มีประสบการณ์และไม่มีวิธีป้องกัน เมื่อคุณพยายามทำมันให้สำเร็จ แต่การประสบความสำเร็จไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่มีความเสี่ยง ฉันเสี่ยงอย่างนั้นหลายร้อยครั้ง ในอาชีพการงานของฉัน ฉันอยากล้มเลิกหลายครั้ง มันคือการเข้าข้างตัวเองที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อสิ่งต่างๆ เริ่มยากและดูเหมือนว่าความสำเร็จอาจไม่เกิดขึ้น เราอยากหนีความเจ็บปวด - ความเจ็บปวดของความล้มเหลว ความเจ็บปวดจากการก้าวผ่านความยากลำบาก ความเจ็บปวดจากการลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่ความจริงเดียวในการหนีจากความเจ็บปวดคือ การทำสิ่งที่คุณได้เริ่มต้นเอาไว้ให้สำเร็จ การทำให้สำเร็จโดยไม่คำนึง ถึงผลลัพธ์คือ ความสำเร็จทุกครั้ง
เมื่อรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวไปอีกก้าวในช่วง 10 กิโลเมตรสุดท้ายของการวิ่งมาราธอน หรือนั่งในที่ประชุมครั้งสุดท้าย กับโครงการสำคัญ คุณต้องโน้มน้าว ตัวเองว่าการผลักดันความรู้สึกที่อึดอัดไปอีกเพียง 60 นาทีนั้นดีกว่าการทนต่อไป อีกหลายสัปดาห์ความเสียดาย มันน่าเหนื่อยหน่ายที่จะเล่นสถานการณ์ ที่เป็นไปได้ซ้ำไปซ้ำมาว่า "จะเกิดอะไรขึ้นถ้า" หลังจากความจริงที่ได้รับ เมื่อฉันเสร็จสิ้นการแข่งขัน ฉันไม่ต้องการมีความเห็นอื่นกับความสำเร็จของฉัน ฉันต้องการบรรลุเป้าหมาย โดยที่รู้ว่าฉันได้ทำทุกสิ่งเท่าที่ฉันจะทำได้เพื่อชนะ เมื่อฉันรู้ว่าเป็นความจริง ฉันก็จะไม่เสียใจ — ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม เมื่อฉันมันเสร็จแล้ว เราไม่สามารถควบคุมคู่แข่งของเราได้ เราสามารถควบคุมทัศนคติและความพยายามของเราได้เท่านั้น และหากความพยายามนั้น เป็นความพยายามที่เต็มที่และมาจากใจของคุณ มันก็เพียงพอที่จะชนะ
มีสักกี่คนที่ยอมแพ้ต่ออบายมุข ไม่ว่าจะเป็นการเดินสู่เส้นชัยในอีกไม่กี่กิโลเมตรของการแข่งขันมาราธอน หรือกดปุ่มปิดบนนาฬิกาปลุก และไม่ออกกำลังกาย ตอนเช้าหรือการเข้าประชุม แล้วมาเสียใจในภายหลัง การคิดล่วงหน้าจะช่วยลดช่วงเวลาเหล่านี้ให้น้อยลง เมื่อคุณเจออุปสรรคใดๆ ถามตัวเองว่า ฉันสามารถทนความเจ็บปวดได้อีกสักนิดไหมเพื่อที่ฉันจะได้ไม่ต้องอยู่กับความเสียดายในภายหลัง และนั่นอาจเป็นความเจ็บปวดใดๆ ก็ได้ - การออกแรงทางร่างกาย ความเครียด ความพยายามทางจิต หรืออารมณ์เสีย
ฉันลงการแข่งขันเหล่านั้นโดยที่ฉันได้รับ "การคาดหวัง" ว่าต้องชนะ ฉันชนะเบลินดา แกรนเจอร์ห้าปีติดต่อกันในการแข่งขัน Ironman Australia และเธอมาที่ การแข่งขัน Ironman Canada - การแข่งขันที่ฉันชนะมาสองสามครั้ง ฉันลงจากจักยานหลังจาก 20 นาที ฉันอยากซ่อน / ยอมแพ้ แต่ฉันแข่งต่อและเข้าเส้นชัย เป็นที่สอง ฉันถามตัวเองอย่างต่อเนื่องว่า — ฉันพยายามเต็มที่แล้วหรือยัง คำตอบของฉันคือ ไม่ แฟนๆ และครอบครัวของฉันตกตะลึง - บางคนมีน้ำตา – แต่ฉัน โอเคเพราะฉันเข้าเส้นชัย และฉันไม่เคยยอมแพ้ ไม่เคยเอาเท้าออกจาก คันถีบจักรยานตลอดการแข่งขัน ฉันภูมิใจในตัวเอง ไม่เสียใจเลย
ดูเป้าหมายหรือภารกิจที่คุณต้องการทำลึกๆ ที่ง่ายกว่าหากล้มเลิก แทนที่จะหลีกเลี่ยงงานและความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้น ถามตัวเองว่า คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าคุณ ไม่ทำมันเลย ถามตัวเองว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าคุณทำ สถานการณ์ใดในสองสถานการณ์ที่น่าพอใจมากกว่ากัน การคิดล่วงหน้าเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ เลือกสิ่งที่ดีที่สุด ความคิดภายในต้องใช้หัวใจ การทำให้สำเร็จต้องใช้ทั้งสมองและหัวใจ ในฐานะนักเขียนและวิทยากรโรบิน ชาร์มากล่าวที่ Titan Summit 2016 ว่า “วันที่เลวร้ายของความเห็นแก่ตัวคือวันที่ดีสำหรับจิตวิญญาณ ของคุณ”
ทำสิ่งที่คุณได้เริ่มต้นไว้ให้เสร็จสมบูรณ์ ทำด้วยหัวใจ
ทัศนคติสำคัญมากกว่าความจริง
ไม่ว่าคุณจะเผชิญกับความจริงเรื่องใด — ไม่ว่าจะเป็นความหวั่นไหวในเรื่องของสุขภาพ การเปลี่ยนอาชีพ ลูกสาววัยรุ่นถูกรังแก — ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าทัศนคติ เกี่ยวกับความจริงนั้น บางครั้งเรารู้สึกพ่ายแพ้และไม่เหลืออะไรเพราะความจริงก่อนที่เราจะได้ใช้เวลาในการวางแผนที่จะดำเนินการ เราไม่ต้องการให้แพทย์ วินิจฉัยโรคด้วยการใช้ MRI หรือตรวจสอบคอเลสเตอรอล เราต้องการให้หมอใช้เวลากับเรา เรียนรู้เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ของเราแล้ววางแผน
สำหรับฉันในฐานะนักกีฬาและสำหรับคุณในฐานะผู้ประสบความสำเร็จสูง ทัศนคติสำคัญกว่าความเป็นจริงเสมอ
ทุกเดือนมกราคมฉันเคยแข่ง Ironman 70.3 ในเมืองพูคอน ประเทศชิลี ในปี 2006 ก่อนเดินทางไปชิลี สามีของฉันอ่านรายชื่อนักกรีฑา คู่แข่งหลักจะเป็น นักวิ่งมาราธอน 2:39 จากฮังการีชื่อเอริก้า โชมอร์; ผู้ชนะเลิศเหรียญทองแดงโอลิมปิก ชาวอเมริกันชื่อซูซาน วิลเลี่ยมส์; และแชมป์ Ironman สามครั้งชื่อเฮเธอร์ โกลนิก ใช่ ฉันเคยป้องกันแชมป์สี่ครั้ง แต่ฉันไม่ใช่นักวิ่งมาราธอน 2:39 หรือนักกีฬาโอลิมปิก ไส้ติ่งของฉันแตกที่การแข่งขันไตรกีฬา Ironman World Championship ในเดือนตุลาคม 2005 และฉันเพิ่งกลับไปฝึกเมื่อสองเดือนก่อน
แต่แทนที่จะเพ่งไปที่สิ่งที่แง่ลบ ฉันเพ่งเล็งไปที่ว่าผู้หญิงเหล่านี้จะยกระดับเกมของฉันได้อย่างไร พวกเขาจะผลักฉันไปสู่การว่ายน้ำ การปั่นจักรยาน และการวิ่ง ที่น่าตื่นตาตื่นใจซึ่งท้ายที่สุดจะยกระดับสมรรถภาพทางกายในต้นฤดูกาล มันเป็นสถานการณ์ที่ต่างคนต่างได้ ฉันได้ทำสิ่งที่ฉันรัก — ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และวิ่ง ในพูคอนกับคู่แข่งที่น่าทึ่ง - และฉันจะฟิตมากขึ้น เร็วขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นสำหรับการแข่งขันปี 2006 แน่นอน ฉันอยากชนะ แต่ฉันพบความสงบสุขโดยมุ่งมั่นไปที่ เป้าหมายภายใน และฉันมีสิ่งที่มีคุณค่ามากมายซึ่งรวมถึงวิชาความรู้ ประสบการณ์และความเชื่อที่ว่าหัวใจและความปรารถนาของฉันสามารถเอาชนะ ผู้ชนะเหรียญโอลิมปิก หรือนักวิ่งมาราธอนชั้นยอดได้
น่าเสียดายที่แผนที่จะนำหน้าเอริก้านักวิ่งมาราธอนชั้นยอดและลดช่องว่างระหว่างผู้เข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกไม่ได้ผล ฉันปั่นจักรยาน
90 กิโลเมตรเข้าเส้นชัย เป็นอันดับสี่หลังจาก 10 นาทีตามหลังซูซาน สองนาทีตามหลังเอริก้า และตามหลังเฮเธอร์น้อยกว่าหนึ่งนาที ฉันไม่ได้มุ่งไปที่พวกเขาเหมือนเดิม แต่ยังคงมอง ในเชิงบวกและเตือนตัวเองว่าทำไมฉันจะประสบความสำเร็จ ฉันไม่รู้สึกกดดันเลย ฉันไม่ได้ถือตน ฉันวิ่งให้ได้มากที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้
ฉันนึกถึงการออกกำลังกายที่ดีที่สุด ฉันบอกตัวเองว่าฉันเป็นนักวิ่งที่ดีที่สุดในสนาม (ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ก็ตาม) ฉันวิ่งให้ได้มากที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้เพื่อ ที่ฉันจะได้เข้าสู่เส้นชัยโดยไม่เสียใจ เมื่อถึง 17 กิโลเมตร ฉันขึ้นไปเป็นอันดับสอง และทำให้เอริก้านำฉันอยู่ที่ประมาณ 30 วินาที ฉันบอกกับซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า “ถ้าฉันสามารถเห็นเธอ ฉันก็สามารถไล่เธอทัน” ฉันเชื่อหมดใจว่าฉันจะชนะ
หลังจากว่ายน้ำได้ระยะ 1.9 กิโลเมตร ปั่นจักรยาน 90 กิโลเมตรและวิ่ง 19.5 กิโลเมตร ฉันวิ่งเต็มที่ ด้วยระยะทางประมาณ 1,500 เมตร ฉันจะไล่ตามเอริก้าทัน แต่เหมือนกับนักวิ่งที่เก่งๆ เอริก้าตามฉันมาติดๆ เธอมีปฏิกริยาโต้ตอบกับการแซงหน้าของฉันด้วยการไล่ตามติดๆ เพราะเธอตั้งใจที่จะวิ่งแซงฉันในตอนท้าย ฉันวิ่งเต็มที่เป็นระยะทาง 20 กิโลเมตรในขณะที่เธอยังไม่ได้วิ่งด้วยเกียร์นั้น ฉันคิดที่จะผ่อนแรงและปล่อยให้เธอนำ แต่ฉันก็ตระหนักได้ว่าการวิ่งเพื่อเข้าเส้นชัย ของฉันใกล้เคียงกับความเร็วในการแข่งขันวิ่ง 10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นความเร็วเดียวกับการแข่งขันวิ่งด้วย 21 กิโลเมตร ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากวิ่งให้ได้ดีที่สุดเท่า ที่จะทำได้ ฉันไม่ได้หันไปมองข้างหลัง มันไม่มีเหตุผล พลังทั้งหมดอยู่ที่การก้าวไปข้างหน้า
ในขณะที่ฉันวิ่งแข่งกับเอริก้าแบบไหล่ชนไหล่ ฉันจำได้ว่าการแข่งขันระยะ 200 เมตรสุดท้ายเป็นการวิ่งบนพื้นทรายลึก ฉันบอกกับตัวเองว่าเธอน่าจะไม่ทันตั้งรับ ทั้งทางร่างกายและจิตใจเนื่องจากการเปลี่ยนสภาพพื้นดินจากถนนลาดยางเป็นทราย เช่นเดียวกับที่ฉันเคยลองครั้งแรกเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทุกๆ ออนซ์ของหัวใจ ฉันพุ่งไปข้างหนัาบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ ฉันวิ่งเข้าเส้นชัยกก่อนเอริก้าเพียงสองวินาทีและได้รับชัยชนะติดต่อกันเป็นครั้งที่ห้า
สิ่งที่ต้องจำเอาไว้จากการแข่งขันครั้งนี้คือ ฉันไม่ได้ศึกษาประวัติของคู่แข่งที่มีชื่อเสียง ฉันเคารพความสำเร็จของพวกเขา แต่ฉันจะไม่ยอมอ่อนน้อมต่อพวกเขา ฉันปฏิเสธที่จะอยากแตกต่างจากนักกีฬาที่ฉันเคยเป็น ฉันเชื่อหมดใจว่าฉันจะพบความสำเร็จ
เราทุกคนเคยอยู่ในสถานการณ์ที่เราอยากเป็นคนอื่น บางทีเราต้องการอาชีพที่สูงกว่าหรือตำแหน่งที่มีอำนาจ บางทีเราอยากจะอายุน้อยกว่าด้วยพลังที่มากขึ้น และจิตวิญญาณที่เป็นอิสระมากกว่านี้ พ่อแม่อาจจะปรารถนาอิสรภาพ ที่ผู้คนที่ไม่มีลูกเขามีกันในฐานะนักกีฬา เราอาจหวังที่จะมีความเร็วและความแข็งแกร่ง เหมือนนักกีฬาดาวเด่นที่มีประสิทธิภาพสูง
ความจริงคือ แม้จะมีข้อบกพร่องและปมด้อย แต่เราทุกคนเป็นมนุษย์ที่มีเอกลักษณ์และยอดเยี่ยม โดยธรรมชาติเราทุกคนมีสิ่งที่ต้องปรับปรุง ชีวิตคือการเติบโต อย่างต่อเนื่อง เรามุ่งมั่นที่จะทำให้วันพรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้ แม้ว่าจะมีการปรับปรุงตัวเองมากแค่ไหน ท้ายที่สุดเราต้องยอมรับตัวเองและเพิ่มองค์ประกอบที่ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ให้กับแต่ละวัน เราต้องมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เราต้องการความสงบสุขที่จะยอมรับสิ่งที่เราไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงได้และมีภูมิปัญญา เพื่อมองเห็นความแตกต่างนั้น ใช่ นั่นเป็นบทสวด Serenity Prayer ที่รู้จักกันแพร่หลายในระดับสากล แต่มีชื่อเสียงเพราะมีข้อดี
ความจำเป็นในการยอมรับตนเองไม่เคยมีความสำคัญมากไปกว่าช่วงเวลาของโซเชียลมีเดีย เราถูกโจมตีด้วยชีวิตที่สมบูรณ์แบบของคนอื่นๆ บน Facebook, Instagram และ Twitter เป็นเรื่องง่ายที่จะเชื่อว่าเราไม่ฉลาดพอ หน้าตาไม่ดีพอ ไม่มีเสน่ห์ ไม่รวยพอหรือไม่โลดโผนมากพอ และนั่นคือเหตุผลที่เราต้องหันมานับสิ่งดีๆ ที่เรามีอยู่ทุกวันและสร้างสิ่งที่มีคุณค่า
เรามักจะไม่คิดคิดถึงการขายตัวเองให้กับตัวเอง แต่นั่นคือสิ่งที่เราต้องทำก่อนที่จะทำภารกิจสำคัญ สำหรับบางคน ภารกิจนั้นการไปโรงเรียน น่าเศร้าที่ต้องขอบคุณ สื่อสังคมออนไลน์ นักเรียน - และแม้แต่เด็กเล็ก - ที่ได้กลายเป็นบุคคลสาธารณะภายในกลุ่มเพื่อนและมากไปกว่านั้น ภายใต้การพิจารณา การกลั่นแกล้งและ การหมิ่นประมาท
ก่อนการแข่งขันแต่ละครั้ง ฉันเคยสร้างหรือทบทวนสิ่งที่มีค่าและการฝึกฝนร่างกายที่ดีที่สุดของฉัน ฉันเรียกมันว่า "กล่องแห่งความทรงจำ" ของฉัน หลักๆ แล้วฉันรวบรวมเหตุผลต่างๆ ที่ฉันควรจะประสบความสำเร็จ ฉันจะทบทวนรายการในใจระหว่างการแข่งขัน เพื่อเตือนตัวเองว่าทำไมฉันถึงจะประสบความสำเร็จ มันไม่ใช่การผลักดันด้วยความทะนงตน แต่เป็นการยืนยันว่าเมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น ฉันมีหลายเหตุผลที่ฉันสามารถทำได้และเหตุผลที่ฉันเป็นผู้ชนะ สิ่งเหล่านี้จะ ไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร มันเป็นตัวแทนของความเป็นฉัน และไม่ว่าชนะหรือจะวิ่งเข้าเส้นชัยคนสุดท้ายก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวตนที่แท้จริง ของฉันได้ รายการของฉันมีพลังมากกว่ารางวัล หรือการเลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงาน หรือคำชมเชยจากบุคคลอื่น รายการของฉันเปลี่ยนเวลา ที่หายไป 10 นาที ในการปั่นจักรยานเป็น “ฉันจะไล่ตามเธอให้ทันโดยไม่คำนึงถึงช่วงเวลา ด้วยเหตุผลเหล่านี้” มันเปลี่ยน “ฉันไม่ดีพอและฉันอยากยอมแพ้” เป็น “ฉันจำได้ว่าวิ่ง 30 กิโลเมตรในสองชั่วโมงเมื่อสามสัปดาห์ที่แล้วและวันนี้ฉันต้องทำได้”
นี่คือสิ่งที่มีค่าที่ฉันทำเพื่อขึ้นเตรียมการสำหรับการแข่งขัน Ironman World Championship ในปี 2004:
- ฉันได้รับความรักและฉันได้รักตอบ
- ฉันมีสามีที่ชื่อเดฟ
- ฉันมีครอบครัว เพื่อนและสุนัข
- ฉันมีการศึกษา
- ฉันไม่เคยยอมแพ้ - ฉันไม่เคยล้มเลิกการแข่งขัน
- ฉันเป็นนักแก้ปัญหาที่เก่ง ฉันสามารถจัดการกับอุปสรรคใดๆ ในระหว่างการแข่งขัน
- ฉันมักจะหาวิธีในการทำงานให้เสร็จได้เสมอ
- ฉันไม่เคยพลาดการออกกำลังกาย
- ฉันสามารถเห็นสิ่งดีๆ ในผู้คน
- ฉันเป็นผู้ฟังที่ดี
- ฉันมีการสนับสนุนที่ดี - โค้ช นักกายภาพบำบัด หมอนวดและแพทย์ด้านการกีฬาของฉัน
- ฉันมีความซื่อสัตย์และจะไม่มีวันโกง
- ฉันไม่บาดเจ็บ
สร้างรายการของคุณ อ่านมัน อ่านซ้ำๆ และเชื่อ เลือกสิ่งที่มีค่าหลักๆ มาสองสามข้อแล้วเขียนลงในนามบัตร ในกระเป๋าเงิน หรือบนกระจกเพื่อทบทวนทุกวัน
ทุกคนสามารถทำได้ดีเมื่อไปได้ดี
แชมป์ที่แท้จริงค้นพบความสำเร็จแม้จะมีความยากลำบาก
เราทุกคนสามารถเป็นวีรบุรุษได้ในวันที่เรียบง่ายและสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นในด้านกีฬา ธุรกิจ หรือการใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน คิดถึงวันต่างๆ ที่คุณตื่นขึ้นมาโดย ไม่มีนาฬิกาปลุก ลูกๆ กำลังเล่นกันอย่างมีความสุขระหว่างอาหารเช้า คุณขับรถผ่านไฟสีเขียวทั้งหมดระหว่างทางไปที่ทำงาน คุณทำรายการที่ต้องทำได้หมด ทุกคนโทรกลับหาคุณ คุณทำทุกอย่างเสร็จแล้วออกจากที่ทำงานก่อนที่การจราจรจะติดขัด อาหารเย็นเป็นมื้อที่ง่ายและรวดเร็ว และสภาพอากาศเป็นใจเมื่อคุณ พาสุนัขออกไปเดิน
มันง่ายที่จะเป็นพ่อแม่ที่ดี พนักงานเป็นโดดเด่น และคู่สมรสที่ให้การสนับสนุนในวันเหล่านั้น แต่ตัวตนที่แท้จริงของเราจะได้รับการจำกัดความในวันที่ยากลำบาก เรามักจะก้มหัวให้กัวันเหล่านั้น แต่ก็มักจะเฉลิมฉลองเมื่อเกิดการเข้าใจถึงปัญหาย้อนหลังเพราะมันจะมอบรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้กับเรา แชมป์ที่แท้จริงค้นพบ ความสำเร็จแม้จะมีความยากลำบาก
รูปนี้มาจากการแข่งขัน Ironman World Championship 2006 [ภาพ] ฉันกำลังวิ่งมาราธอนระยะทาง 1 ไมล์สุดท้าย นี่คือในตอนท้ายของการแข่งขันเก้าชั่วโมง แต่ 7 ไมล์ก่อนหน้าภาพนี้ ฉันกำลังจะหมดแรง
มีหมวดสำคัญในการวิ่งมาราธอนที่การแข่งขัน Ironman World Championship ที่ฮาวายที่เรียกว่า Energy Lab คือหมวด 4 ไมล์ที่เกิดขึ้น ระหว่างไมล์ที่ 15 และ 19 สองไมล์ก่อนเข้าสู่ Energy Lab มีเนินเขาลาดลงเล็กน้อยและมีลมปะทะจากมหาสมุทรซึ่งช่วยบรรเทาความร้อนได้ ฉันวิ่งเข้าสู่ Energy Lab และรู้สึกมหัศจรรย์มาก - แน่นอน เนินเขาลาดลงและรู้สึกค่อนข้างสบาย ฉันอยู่ในอันดับที่หกและฉันกำลังแต่งคำปราศรัยแห่งชัยชนะ วางแผนทุกรูปแบบว่าฉันจะใช้เงินรางวัลอย่างไร จากนั้น 4 ไมล์ต่อมาที่ 19 ไมล์ ฉันอยู่ในอันดับสามประกบข้างด้วยคู่แข่งอันดับสองและอันดับสี่ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก และแชมป์โลก 6 สมัยที่วิ่งตาม ฉันมาติดๆ ฉันรู้สึกแย่มาก ฉันล้า ฉันอยู่ห่างจากหญิงอันดับหนึ่งเจ็ดนาทีกับ 7 ไมล์ที่เหลือ เห็นได้ชัดว่าฉันเต็มที่กับมันมาก แต่ฉันเหนื่อยมาก มันยากมากและฉัน อยากจะหยุด ฉันบอกตัวเองว่าถ้าฉันเลิกตอนนี้ฉันโอเคและฉันจะฉลองการแข่งขันที่น่าอัศจรรย์ที่ฉันมีมาจนถึงจุดนี้ เห็นได้ชัดว่าพลังงานและแคลอรี่ของฉัน กำลังจะหมด แล้วฉันก็หยุด - ฉันไปที่ส้วมเคลื่อนที่และถ้ามีคนส่ง The Wall Street Journal มาให้ฉัน ฉันคงอยู่ที่นั่นทั้งวัน
ฉันเริ่มเคลื่อนที่ได้อีกครั้งหนึ่งนาทีต่อมา ฉันไม่เหลืออะไรและพ่ายแพ้ ฉันไม่ได้ทำตัวเหมือนแชมเปี้ยน แต่แล้วฉันก็สู้กลับ ฉันเตือนตัวเองด้วยปีที่แล้วตอนที่ ฉันแข่งทั้งๆ ที่ไส้ติ่งแตกและฉันอยากเข้าเส้นชัยมากแค่ไหนในวันนั้น ฉันนึกถึงแม่สามีที่เป็นมะเร็ง และการแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่มะเร็ง - มันคือกีฬาและการเล่น ดังนั้นฉันจึงวิ่ง ฉันคว้าโค้กและวิ่งให้เร็วและเต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันไล่ตามผู้หญิงที่ผ่านฉันไปทัน และฉันเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่สามในการแข่งขัน Ironman World Championship ทุกคนสามารถทำได้ดีเมื่อไปได้ดี แต่แชมป์ตัวจริงพบความสำเร็จทั้งๆ ที่มีความทุกข์ยาก
เราทุกคนมีสิ่งนั้นในตัวเรา
ปาหัวใจของคุณให้ข้ามเนินเขาไปแล้วร่างกายจะตามมันไป
การแข่งขัน Ironman Australia เป็นการแข่งขันที่ฉันควรแพ้ แต่ฉันกลับได้ทดสอบว่าฉันจะเป็นแชมป์ได้หรือไม่ ฉันชนะการแข่งขันสามครั้งติดต่อกันและฉันกลับ ไปเพื่อป้องกันแชมป์ครั้งที่ 4 ทุกคนพูดถึงความกดดัน แต่ฉันไม่เคยมองแรงกดดันในเชิงลบ (ทัศนคติตรงข้ามกับความจริง) คุณเห็นไหมว่าฉันรู้สึกกดดันเพราะ ฉันชนะการแข่งขัน ดังนั้นถ้าฉันไม่ต้องการความกดดัน แล้วฉันอยากชนะการแข่งเหล่านั้นจริงๆ ไหม ไม่ อย่างแน่นอน ดังนั้นฉันจึงจำกัดความความกดดันให้เป็น สิ่งดีๆ แฟนๆ ผู้ชมและครอบครัวอวยพรให้ฉัน ดังนั้นฉันจึงใช้ความปรารถนาเหล่านั้นเป็นพลัง
นี่คือการแข่งขันที่ท้าทายในทุกๆ รูปแบบ
หลังจากการอุ่นเครื่องประจำวัน ฉันไปที่จุดเริ่มว่ายน้ำ ระหว่างทางฉันถูกับรั้วไม้ทำให้ขากางเกงของชุดแข่งขาด จากนั้นฉันก็เหยียบตะปู ฉันหยิบตะปูออกมาจาก ส้นเท้า ปักมันไว้กับรั้วและปัดเหตุการณ์เหล่านี้ออกจากสมอง ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้มันทำลายการแข่งขันครั้งนี้ ทัศนคติสำคัญมากกว่าความจริง
ฉันเข้าแถวกับผู้หญิงมืออาชีพหลายๆ คนที่มีแนวโน้มจะท้าชิงแท่นรับรางวัล ภายใน 30 วินาทีของการเริ่มต้น ฉันถูกศอกเข้าที่ตา - แรงมากจนตาเขียวในภายหลัง ฉันตาลายเห็นดาว; แว่นตาของฉันเต็มไปด้วยน้ำ ฉันถกกับตัวเอง: ฉันจะปรับแว่นและยอมเสี่ยงกับการหลุดออกจากกลุ่ม หรือว่ายน้ำไปพร้อมกับตาที่มองเห็นเป็นภาพเบลอ ในขณะที่ฉันรวบรวมสติ นักว่ายน้ำชาวออสเตรเลียที่พลังมหาศาลซึ่งตามหลังฉันว่ายน้ำตัดหน้าฉันไป และเสียตำแหน่งนำ
ฉันเลือกที่จะว่ายน้ำต่อไป เหตุการณ์ข้อศอกหายไป ฉันไม่ได้จมอยู่กับมัน ฉันยอมรับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น มันเป็นบททดสอบ ความดื้อรั้นของฉันเพื่อดูว่าวันนี้ฉันจะทำตัวดีกับตัวเองไหม ดังนั้นฉันแค่ว่ายน้ำด้วยกำลังทั้งหมดที่ฉันจะทำได้เพื่อลดช่องว่างกับนักว่ายน้ำที่นำหน้า มันคือความอิสระที่ได้อยู่ในช่วงเวลานั้นๆ และไม่ต้องคิดมาก พลังทั้งหมดอยู่ที่การว่ายน้ำไปข้างหน้าด้วยพลังทั้งหมด ฉันไม่ได้ตื่นเต้นกับการรั้งท้ายกลุ่มหลังจาก เหตุการณ์ข้อศอก แต่ฉันมุ่งมั่นที่จะเป็นแชมป์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันก็ตามในวันแข่งขันนั้น ทุกคนสามารถทำได้ดีเมื่อไปได้ดี แต่แชมป์ตัวจริงทำได้ดีทั้งๆ ที่มีความทุกข์ยาก
ฉันใช้เวลาในการว่ายน้ำประมาณ 55 นาที ฉันฉลองกับการเอาชนะอุปสรรคแรกๆ ของวันนั้นๆ
ในการแข่งขันจักรยาน ฉันปั่นจักรยานสุดพลังเพื่อเก็บ 3 นาทีที่หายไปตอนแข่งว่ายน้ำ ที่ 45 กิโลเมตร ขวดสารละลายอิเล็กโตรไลต์ พิเศษของฉันกระเด้งออกจาก ที่วางขวดน้ำข้างหลังฉันบนถนนที่มีส่วนเป็นหลุมเป็นบ่อ ฉันดื่มสารละลายเฉพาะของตัวเองแทนที่จะดื่ม จากที่การแข่งขันเตรียมให้ เพื่อลดการถ่วงเวลาให้น้อยที่สุด ไม่มีการรับประกันว่าเครื่องดื่มอิเล็กโตรไลต์ที่ผู้จัดงานจัดให้ จะไม่เหมาะกับท้องของฉันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อร่างกายของฉันกำลังแข่งอย่างเต็มที่ เมื่อเจือจางด้วยน้ำในขวดข้างหน้า ขวดที่เข้มข้น จะมีปริมาณมากพอ ที่จะเติมพลังให้ฉันได้ตลอดระยะทาง มันหายไปแล้ว และฉันยังมีระยะทาง 135 กิโลเมตรในการปั่นและต่อด้วย วิ่งมาราธอน!
ฉันเชื่อว่ามีเหตุผลสำหรับทุกช่วงเวลาที่เราเผชิญ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราไม่ต้องการเผชิญ แน่นอนฉันไม่ต้องการที่จะเสียขวดน้ำ อาหารเสริม แต่ฉันเปลี่ยนเป็น โหมดการแก้ปัญหาในทันที ฉันมีเครื่องดื่มอิเล็กโทรไลต์ของตัวเองสองครั้งที่จุดช่วยเหลือความต้องการ พิเศษที่ระยะ 80 กิโลเมตร ฉันหันไปสนใจกับการกู้ขวดน้ำเหล่านั้นเอาดาบหน้า น่าเสียดายที่เมื่อฉันถึงที่จุดช่วยเหลือความต้องการพิเศษ อาสาสมัครที่นั่นไม่ได้ยื่นขวดของฉันเร็วพอและฉันไม่ได้ช้าลงเพื่อรับมันมา นั่นคือความรับผิดชอบของฉัน ถ้าฉันต้องการขวดเหล่านั้น จริงๆ ฉันสามารถที่จะหยุดและหามันเจอ ฉันเลือกที่จะไม่
ชุดว่ายน้ำที่ขาด ตะปูที่ตำเท้า ข้อศอกกระแทกหน้า ขวดน้ำเติมพลังที่หายไป และขาดสารอาหารที่จำเป็นพิเศษ แต่ละอย่างที่สามารถ ทำให้ฉันไปถึงเส้นชัยได้ กิจกรรมเหล่านี้จะเป็นข้อแก้ตัวที่ยอดเยี่ยมในการยอมแพ้ แต่ฉันวางกรอบแต่ละข้อเพื่อทดสอบความเป็นตัวฉัน ฉันได้ชื่อว่าเป็นแชมเปี้ยน และฉันป้องกัน ตำแหน่งแชมป์ Ironman Australia สามสมัย และแชมป์คนเหล็กเจ็ดครั้ง ฉันคิดว่าถ้าฉันเป็นแชมป์จริง ฉันต้องสามารถ "เป็นแชมเปี้ยน" กับความท้าทายเหล่านี้ได้ ฉันท่องหนึ่งในคติของฉัน: “ใครๆ ก็สามารถเป็นวีรบุรุษได้ในวันที่ดีที่สุด แต่แชมป์ที่แท้จริงจะเจิดจรัสเมื่อเผชิญกับความทุกข์ยาก” วันนี้เป็นวันแห่งความทุกข์ยาก วันนี้ฉันจะพิสูจน์ว่าฉันสามารถเป็นแชมป์ในทุกระดับ การวิ่งข้ามเส้นชัยจะทำให้เครื่องหมายอัศเจรีย์อยู่ที่ท้ายคำว่า “แชมป์เปี้ยน”
ถึงเวลาแล้วสำหรับแผน C กุญแจสามประการสำหรับสารอาหารในการแข่งขันคือ น้ำตาล เกลือและน้ำ อุปสรรค์ล่าสุดนี้เป็นการทดสอบ ทักษะด้านสารอาหาร ของฉัน ฉันจะแก้ไขสถานการณ์และหาวิธีชดเชยขวดน้ำเสริมอาหารเข้มข้นที่หายไป การดื่มสิ่งที่มีอยู่ในจุด ให้ความช่วยเหลือไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับฉัน ฉันไม่เคย ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้มา และฉันไม่อยากเสี่ยง
ฉันชดเชยขวดที่หายไปโดยการกินเกลือเม็ดเสริม (โซเดียมคลอไรด์ 300 มก.) และ PowerGel เพิ่มเติม (ส่วนผสมคาร์โบไฮเดรต 100 แคลอรี่คล้ายกับเค้กไอซ์ซิ่ง) ต่อชั่วโมงรวมทั้งน้ำเพื่อสามารถส่งทั้งสองอย่างเข้าระบบในร่างกาย นั่นคือ นอกเหนือจากการกิน PowerBars (ธัญพืชอัดแท่ง) และเกลือเม็ด การเข้าใจถึงปัญหา หลังจากที่เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้ว ฉันอาจต้องใช้ PowerGels เพิ่มขึ้น 1.5 ต่อชั่วโมง แต่ทักษะคณิตศาสตร์ของฉันค่อนข้างลวกๆ ด้วยอัตราการเต้นของหัวใจที่ 160 ครั้งต่อนาที! ความท้าทายทางโภชนาการเพิ่มขึ้นมาอีก - อีกหนึ่งการทดสอบ แต่ไม่ใช่อุปสรรค ไม่มีการจมอยู่กับมัน ฉันยุ่งมากกับการหลบอุปสรรคต่างๆ ขณะปั่นจักรยานที่ 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยทางจิตใจแล้ว ฉันเป็นอิสระเหมือนนก ฉันไม่ติดอยู่ในวังวนความเวทนาตนเอง ถึงแม้ว่าจะมีสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันมากมายโดยทางอารมณ์ แล้ว ฉันมีความสุขกับหน้าที่และการใช้ชีวิตในช่วงเวลานั้นๆ โดยทางกายแล้ว การปั่นจักรยานค่อนข้างหนักหน่วงเพราะจังหวะเป็นไป อย่างรวดเร็ว แต่การฝึกฝนมีขึ้นเพิ่อสิ่งนี้
ฉันลงจากจักรยานประมาณ 5 นาทีครึ่งตามหลังนักแข่งอีกสามคน มันคือความฝัน ฉันได้เตรียมใจเอาไว้แล้วกับการเวลาที่เสียไป อยู่ที่เลขสองหลัก และฉันได้ฉลองช่วงสั้นๆ ฉันภูมิใจกับการปั่นของฉันแม้ว่าจะมีอุปสรรค และภูมิใจกับสถานะทางอารมณ์ของฉัน ฉันเป็นสุขใจเงียบและสงบ ฉันเปลี่ยนเครื่องมือจำกัดประสิทธิภาพที่ให้พลังเชิงลบเป็นโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวันที่ฉันตั้งใจจะทำให้ได้ดี ฉันควบคุมสิ่งที่ฉันสามารถควบคุมได้ และฉันค่อยแก้ไขปัญหาส่วนที่เหลือ ฉันไม่ได้กังวลว่าขวดน้ำที่หายไปจะมีผลต่อการวิ่งของฉันอย่างไร ฉันตั้งเป้าไปที่จะตามคูแข่งที่นำหน้าฉันให้ทัน
ฉันวิ่งได้ดี แต่ขาเริ่มล้า
ในระยะ 12 กิโลเมตรฉันขึ้นมาเป็นอันดับสาม จากนั้นที่ 21 กิโลเมตรฉันอยู่อันดับที่สอง ที่ 23 กิโลเมตร ฉันเป็นผู้นำ ฉันดีใจมาก โดยปกติแล้วฉันจะมีความกังวล กับการเสียตำแหน่งนำ หรือกับคำถาม "แล้วถ้า" มากมาย แต่การแข่งขันนี้แตกต่างกัน ฉันหลบอุปสรรคมาทั้งวัน ในที่สุด ฉันสามารถวิ่งและแข่งให้จบได้
ฉันชนะการแข่งขัน Ironman Australia ครั้งที่สี่และชนะการแข่งขัน Ironman ครั้งที่แปดด้วย มันพิเศษ มันคือ การเดินทาง ฉันได้ค้นพบวิธีที่จะชนะ
แต่ความจริงแล้วการชนะอาจจะแค่วิ่งเข้าเส้นชัย – นี่คือความสำเร็จเพราะฉันได้ใช้กลยุทธ์เหล่านั้นในการเป็นระดับโลก
เขียนวันหรือเวลาในชีวิตที่ดูเหมือนว่าทุกอย่างผิดพลาด บ่อยครั้งที่เราพูดถึงเรื่องนี้ว่า “สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นสามขั้นและนั่นก็เป็นขั้นที่ 3 แล้ว ดังนั้นตอนนี้ฉันน่าจะ โอเคแล้ว” “สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นสามขั้น” ของคุณคืออะไรและคุณลุกขึ้นมาจากจุดนั้นได้อย่างไร
ความทุกข์ยากเปลี่ยนคุณให้ดีขึ้นหรือไม่ อย่างไร
นี่คือรูปของฉันที่มีสายน้ำเกลือ [ภาพ] แต่ภาพนี้ก็คือฉันด้วย [ภาพ] ฉันเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส ซิสติก ไฟโบรซิสเป็นโรคทาง พันธุกรรม ที่มีผลต่อปอดและตับอ่อนโดยการอุดตันด้วยเมือกหนาและเหนียว สิ่งนี้ในปอดอาจทำให้หายใจถี่ ไอเรื้อรังและการติดเชื้อซ้ำ ในที่สุดแล้ว มันนำไปสู่โรคปอดและลด การทำงานของปอด มันอาจส่งผลให้ต้องมีการปลูกถ่ายปอด
จากปี 2009 ถึงปี 2010 การทำงานของปอดลดลงจากร้อยละ 100 เป็นร้อยละ 70 แล้วร้อยละ 55 และนั่นคือ ตอนที่หมอให้ฉัน ใส่สายน้ำเกลือเป็นเวลาห้าสัปดาห์
จากผลการตรวจ ฉันไม่ควรแข่งในการแข่งขัน Ironman 33 ครั้ง คนเหล็ก 70.3 (ครึ่งระยะทาง) นับไม่ถ้วนและไตรกีฬาระยะ มาตรฐานทั่วโลกนับเป็นเวลา 20 ปี ฉันไม่ควรที่จะสามารถว่ายน้ำ 30 กิโลเมตรต่อสัปดาห์ ปั่นจักรยาน 400 กิโลเมตรต่อสัปดาห์
และวิ่ง 80 ถึง 100 กิโลเมตรต่อสัปดาห์ ฉันไม่ควรชนะการแข่งขัน Ironman 11 ครั้งและอีก 16 ครั้งกับการแข่งขัน Ironman 70.3 ฉันไม่ควรผ่านเข้ารอบในการแข่งขันชิงแชมป์โลกหรือแข่งให้ประเทศแคนาดาในงาน Pan American Games
ฉันไม่ควรที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำในตอนนี้: ตามรายงานของปี 2014 ที่ตีพิมพ์ในเว็บไซต์ Cystic Fibrosis News Today ว่าในทศวรรษ 1980 อายุเฉลี่ยของผู้รอดชีวิต สำหรับคนที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิสในประเทศสหรัฐอเมริกา คือ 12 ปีเท่านั้น แต่ในประเทศแคนาดา คือ 20 ปี ภายในปี 2014 ในประเทศแคนาดา การอยู่รอด เฉลี่ยได้ยืดเป็น 50.9 ปี
ฉันต่อสู้กับซิสติก ไฟโบรซิสทุกวัน - ฉันไม่เคยต้องการให้ใครรู้ว่าฉันเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส ในช่วงแรกๆ โค้ชของฉันไม่รู้ด้วยซ้ำและฉันก็ปฏิเสธสื่อใดๆ ที่ต้องการพูดคุยเรื่องโรคซิสติก ไฟโบรซิสของฉันหรือเน้นไปที่ความสำเร็จของฉันทั้งๆ ที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส
ฉันไม่ต้องการให้มีเครื่องหมายดอกจันข้างๆ ชื่อของฉัน ฉันไม่ต้องการเห็น "ลิซ่า เบนท์ลีย์ชนะการแข่งขันไตรกีฬา! เธอเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส!” ฉันอยาก เป็นผู้ชนะโดยไม่มีอะไรในวงเล็บ ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นสงสารฉัน และไม่ต้องการข้อแก้ตัวที่ฉันควรจะแข่งได้ไม่ดี ฉันตัดสินใจแล้วว่าเรื่องราวของฉัน จะเป็นแชมป์ไตรกีฬา ไม่ใช่ผู้ป่วยเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส
พอมองย้อนกลับไป ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัว ทั้งหมดมันคือเรื่องที่เกี่ยวกับฉันมากกว่าคำว่าพวกเรา ชุมชนชาวซิสติก ไฟโบรซิส
กรอไปข้างหน้าถึงปี 2001 ฉันแข่ง Ironman มาสี่ปีแล้ว และได้รับรางวัล Ironman ครั้งแรกในปี 2000 ฉันกลับไปที่การแข่งขัน Ironman New Zealand ในปี 2001 เพื่อปกป้องตำแหน่งของฉัน แต่การชนะของฉันรู้สึกว่างเปล่า ทำไมงั้นเหรอ
ฉันเองก็ไม่เข้าใจ เป้าหมายของฉันคือ การได้รับรางวัลการแข่งขันคนเหล็กมาโดยตลอด ฉันได้มันมาสองครั้งแล้ว แล้วจุดประสงค์ของการแข่งขันต่อไปคืออะไร ฉันจำได้ว่าเคยเห็นเสื้อยืดที่เขียนว่า “โอเค ไหนๆ คุณก็ชนะแล้ว ตอนนี้คุณจะทำอย่างไรกับมัน” ไตรกีฬาคือชีวิตของฉัน และถ้ามันคือชีวิตของฉัน มันจะต้องมี จุดประสงค์ที่ยิ่งใหญ่กว่าการชนะการแข่งขันและส่งมอบเพย์เช็ค
แม่และพ่อของฉันมีความสุขกับลูกสี่คน เราสามคนเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส หนึ่งในพวกเราคือ ฉันเป็นนักกีฬามืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ ฉันรู้ว่าอาชีพ ของฉันเป็นแพลตฟอร์มที่ฉันสามารถใช้เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับโรคซิสติก ไฟโบรซิส และมอบความหวังสำหรับครอบครัวที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส
ความหวังเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ หากคุณเป็นโรคมะเร็ง - เอาเป็นว่า มะเร็งปอด - และคุณรู้จักคนนึ่งที่รอดชีวิตจากมะเร็งปอด คุณจะมีความหวัง ไม่สำคัญว่า พวกเขาจะอายุหรือสถานการณ์จะเป็นอย่างไร พวกเขารอดชีวิตมาได้ ดังนั้นเราจึงมีความหวังว่าคุณจะสามารถอยู่รอดได้
นั่นคือจุดประสงค์ของฉัน นั่นคือเหตุผลที่ฉันเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส
ฉันได้รับพรที่เป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่สองอย่าง - พรสวรรค์ทางด้านกีฬาและโรคซิสติก ไฟโบรซิส ฉันรู้ว่าเรามักจะไม่โยงสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันและเรามักจะไม่มอง โรคเป็นพรจากสวรรค์ ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าคุณอยากเป็นเลิศทางด้านกีฬา คุณคงไม่อยากเป็นโรคปอดทางพันธุกรรม และถ้าคุณเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส โอกาสคือคุณจะไม่ได้เป็นนักกีฬาอาชีพ
กีฬาช่วยให้ฉันพัฒนาความแข็งแกร่งในตัวฉัน ทำให้ฉันเป็นอิสระและมั่นใจ สอนฉันว่าด้วยการเตรียมตัวและความเพียร ฉันสามารถบรรลุเป้าหมายใดๆ ก็ได้ มันทำให้ปอดของฉันแข็งแรงและแข็งแกร่ง กีฬาเป็นพลังชีวิตฉัน
แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ของขวัญของฉัน นั่นคือ โรคซิสติก ไฟโบรซิส มันทำให้ฉันมีเป้าหมาย เมื่อฉันเข้าใจสิ่งนี้แล้ว ทุกการแข่งขันแสดงให้เห็นว่า การออกกำลังกายมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิสอย่างไรโดยไม่คำนึงถึงลำดับหรือระยะเวลาที่เข้าเส้นชัย การออกกำลังกายจะเปิดโลกใหม่ ทั้งโลก สร้างความนับถือตนเอง ความมั่นใจและโลกภายนอกกับการบำบัดทุกวันและยาต้านเชื้อประจำวัน การออกกำลังกายจะช่วยให้ปอดของพวกเขาปราศจาก เมือกซึ่งจะทำให้สุขภาพดีขึ้นในที่สุด
พระเจ้าประทานความสงบให้ฉันเพื่อยอมรับสิ่งที่ฉันไม่สามารถเปลี่ยนได้
กล้าเปลี่ยนในสิ่งที่ฉันสามารถเปลี่ยนได้
และภูมิปัญญาที่จะรู้ถึงความแตกต่าง
Reinhold Niebuhr
ในที่สุดฉันก็มีสติที่จะยอมรับว่าฉันเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิสและฉันจะเก่งที่สุดที่ฉันจะเก่งได้พร้อมๆ กับโรคซิสติก ไฟโบรซิส
ฉันมีความกล้าที่จะเปลี่ยนทัศนคติของฉัน เพื่อลดผลกระทบจากโรคซิสติก ไฟโบรซิสด้วยอาหารและการออกกำลังกาย
ในที่สุดฉันมีภูมิปัญญาที่จะรู้ถึงความแตกต่าง
“โรคซิสติก ไฟโบรซิส” ของคุณคืออะไร - อะไรคือข้อจำกัด แต่ก็เป็นของขวัญของคุณด้วย และถ้าคุณไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ตอนนี้คุณสามารถเห็นข้อจำกัด ของคุณเป็นของขวัญไหม มันเป็นของขวัญแบบไหน
ในปี 2002 ที่ Ironman New Zealand ฉันได้พบเทรซี่่ซึ่งเป็นแม่ของลูกสองคนที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิสซึ่งทั้งคู่ค่อนข้างป่วย เธออยากให้พวกเขาพบกับใคร บางคนแบบฉันที่พุ่งไปข้างหน้าทั้งๆ ที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส และเทรซี่ต้องการความหวัง ในฐานะที่เป็นแม่ เธอรู้สึกหมดหนทางและหมดหนทางต่อสู้ เมื่อเห็นลูกๆ ของเธอต้องทนทุกข์ทรมาน
หลังจากการประชุมนั้น เทรซี่ตัดสินใจว่าเธอจะแข่ง Ironman New Zealand เพื่อหาเงินเพื่อให้เด็กๆ ที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิสมีเงินทุนเพื่อเข้าร่วมในการกีฬา คุณเห็นไหมว่าโรคซิสติก ไฟโบรซิสเป็นโรคที่ราคาแพง ตัวอย่างเช่นเมื่อฉันป่วยในปี 2010 ฉันใช้ยาปฏิชีวนะหนึ่งตัวที่มีราคา 3,500 เหรียญต่อเดือน ฉันต้องอยู่ กับยาตัวนั้นเพียง 10 เดือน แต่บางคนตลอดชีวิต ค่ายาอาจทำให้ครอบครัวไม่มีอะไรเหลือให้จ่ายเพื่อการเล่นกีฬา เทรซีต้องการสร้างกองทุนเพื่อให้การสนับสนุนทางการเงินสำหรับเด็กที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิสมีส่วนร่วมในการเล่นกีฬา เธอรู้ว่าการออกกำลังกายทำให้ปอด มีการเคลื่อนไหว ทำงานได้ดีขึ้นและในที่สุดสามารถเพิ่มอายุขัยของผู้ป่วยโรคซิสติก ไฟโบรซิสได้ - อย่างฉันเป็นต้น
ดังนั้นเพื่อร่วมกับ Cystic Fibrosis New Zealand เทรซี่จึงเริ่มแคมเปญ Breath4CF นี้ เธอแข่ง Ironman New Zealand และรวบรวมเงินได้ $120,000
จากนั้นเธอได้รับเชิญให้แข่งที่ Ironman World Championship ในปี 2004 เพื่อระดมทุนต่อไป
Ironman World Championship 2004 เป็นครั้งที่แปดกับการแข่งครั้งยิ่งใหญ่นี้ ในที่สุดฉันก็ทำให้ตัวเองอยู่ในฐานะที่จะเป็นคู่แข่งโดยก่อนหน้านี้เข้าเส้นชัย อันดับที่ห้า หก (สองครั้ง) และเก้า ฉันมีประสบการณ์ติดตัวและความอดทนนานหลายปีในร่างฉัน ฉันมีวิสัยทัศน์แบบเทพนิยายของเหตุการณ์นี้: เทรซี่ – แม่ของ คาเมรอนและมาเคดะ ลูกสองคนที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส - แข่งเพื่อลูกและฉัน - นักกีฬาอาชีพพร้อมโรคซิสติก ไฟโบรซิส - พยายามเอาชนะการแข่งขัน ฉันมองเห็นภาพตัวเองชนะการแข่งขันและประทับตราอันยิ่งใหญ่คำว่า “ความหวัง” ไว้บนโรคซิสติก ไฟโบรซิส การฝึกฝนของฉันสมบูรณ์แบบ จิตและใจของฉัน ก็พร้อมสำหรับการแข่งขันด้วยพลังที่เต็มร้อย
แต่ความพร้อมทั้งหมดนั้นทำให้ฉันพร้อมสำหรับการติดเชื้อที่หน้าอกด้วย ห้าวันก่อนการแข่งขันฉันล้มป่วย ฉันหายใจถี่ น้ำมูกข้นและไอที่เจ็บปวดลึกๆ มันให้ความรู้สึกราวกับว่าช้างกำลังยืนอยู่บนอก ฉันต้องใช้ยาปฏิชีวนะที่แรงตามโปรโตคอลของโรคซิสติก ไฟโบรซิส ฉันรู้สึกเสียใจกับตัวเองมากว่าหลังจาก ฝึกซ้อมทั้งหมด ฉันจะไม่ได้ลงแข่งกับการเตรียมพร้อมที่เต็มร้อย ปอดของฉันจะได้รับผลกระทบและฉันจะเฉื่อยชาจากผลข้างเคียงของยาปฏิชีวนะ
รูปนี้มาจากสามวันก่อนการแข่งขัน [ภาพ] เทรซี่กับฉันพบกับการสัมภาษณ์ทางทีวีเพื่อเน้นความสำคัญแคมเปญ Breath4CF ฉันจำได้ว่าฉันจับตาไปที่เธอ ฉันเริ่มร้องไห้ ฉันพูดกับตัวเองว่า น่าอายมาก ลิซ่า เบนท์ลีย์ เธอเศร้าเพราะเธออาจไม่ชนะการแข่งขัน Ironman World Championship ในขณะที่ลูกๆ ของเทรซี่ต่อสู้เพื่อทุกลมหายใจของพวกเขาทุกวัน พวกเขาน่าจะเป็นผู้สมัครการปลูกถ่ายปอดในวันหนึ่ง น่าอายมาก!
มุมมองของฉันเปลี่ยนไปในทันที ฉันรู้สึกโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อที่สามารถแข่งใน Ironman World Championship ฉันมีโอกาสแข่งกับผู้หญิงที่เก่งที่สุดในโลก มากมายและเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส ฉันอาจเป็นคนเดียวที่ๆ ได้ยืนที่จุดสตาร์ทที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส! ฉันสัญญากับตัวเองว่าฉันจะเป็นคนที่เก่งที่สุดใน จุดสตาร์ทที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส ฉันจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมกับการติดเชื้อที่หน้าอก - นั่นคือไพ่ที่ฉันถือในวันนั้น ฉันสัญญากับตัวเองว่าฉันจะยิ้ม ด้วยความขอบคุณตลอดทั้งวัน ฉันจะใช้แพลตฟอร์มไตรกีฬานี้เพื่อพิสูจน์ว่าโรคซิสติก ไฟโบรซิสไม่ใช่โทษประหารชีวิต ฉันจะพิสูจน์ว่าฉันสามารถพุ่ง ไปข้างหน้าได้ทั้งๆ ที่เป็นผู้ป่วยโรคซิสติก ไฟโบรซิส และผู้ป่วยโรคซิสติก ไฟโบรซิสทุกที่ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ฉันจะแข่งพร้อมกับโรคซิสติก ไฟโบรซิส และฉันจะชนะพร้อมกับโรคซิสติก ไฟโบรซิส ฉันจะทำให้ดีที่สุดที่ฉันสามารถทำได้ด้วยความพร้อมของฉัน
ทัศนคติสำคัญมากกว่าความจริง ทัศนคติของฉันเปลี่ยนจาก “โรคซิสติก ไฟโบรซิสเป็นคำสาป” เป็น “โรคซิสติก ไฟโบรซิสเป็นของขวัญที่ทำให้ฉันสามารถ ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้” และทัศนคตินั้นให้พลังมากกว่าสิ่งใดๆ
เมื่อฉันแข่งในการแข่งขัน Ironman World Championship 2004 ฉันได้รับยาปฏิชีวนะที่แรง มันไม่สำคัญ ฉันโชคดีที่ฉันได้แข่ง ฉันได้ลิ้มรสในทุกๆ นาที ฉันรักความร้อน ฉันรักสายลม ฉันรักคู่แข่งของฉัน ฉันไม่ไอตลอดทั้งวัน ฉันเข้าเส้นชัยอันดับที่สี่ - แชมป์โลกที่ดีที่สุดของฉันก็มาถึงจุดนั้น ฉันเข้าเส้นชัยอันดับที่สี่ทั้งๆ ที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส สำหรับเก้าชั่วโมงนั้นฉันทะยานสู่ฝัน ฉันชนะซิสติก ไฟโบรซิส! ทุกคนสามารถทำได้ดีเมื่อไปได้ดี แต่แชมป์ตัวจริงพบความสำเร็จทั้งๆ ที่มีความทุกข์ยาก
เทรซี่ถอนตัวจากการแข่งขันเช่นกัน เธอเองก็ชนะ ในที่สุดเธอก็ไม่ได้เป็นแม่ที่ไร้ประโยชน์สำหรับลูกสองคนที่เป็นซิสติก ไฟโบรซิส เธอเป็นแม่ที่มี ความทะเยอทะยานของลูกสองคนที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส แคมเปญ Breath4CF ระดมเงิน $800,000
นี่คือ คาร์เตอร์ [ภาพ] คาร์เตอร์เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส
เบธซึ่งเป็นแม่ของคาร์เตอร์มักเขียนถึงฉันเกี่ยวกับลูกอายุหกขวบของเธอ และเล่าเรื่องชีวิตที่แข็งขันของเขา
ตอนปี 2007 ฉันได้รับบาดเจ็บเอ็นร้อยหวายอยู่หลายเดือน ฉันตั้งใจจะแข่ง Ironman อีกครั้งก่อนที่จะหยุดพักยาวเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี ฉันเลือก Ironman Canada และฉันกรีดร้องเพื่อรับชัยชนะ แต่เมื่อฉันวิ่งเข้าเส้น ฉันบอกสามีว่ามันเป็นการแข่ง Ironman ครั้งสุดท้าย
ไม่กี่วันต่อมา ฉันได้รับอีเมลจากเบธ เธอถามลูกชายในสิ่งที่เขาอยากได้ คาร์เตอร์ขอสี่ข้อ ข้อแรกคือ การวิ่งเข้าเส้นชัยไปกับฉันที่การแข่งขัน Ironman World Championship ที่ฮาวาย ดังนั้นเธอหวังว่าฉันไม่ได้บาดเจ็บเกินไปเพราะมูลนิธิ Make-A-Wish ทำให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริงและทุกคนในครอบครัว กำลังบินไปฮาวาย!
ฉันต้องหาอีกหนึ่งแรงฮึดในร่างกายเพื่อแข่งอีกครั้ง และฉันจะใช้ใจทั้งหมดที่มีและให้เกียรติกับมันทุกนาที ฉันแข่งเพื่ออะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าเหรียญรางวัลใดๆ ทั้งสิ้น
ในช่วงหกสัปดาห์ระหว่างแข่งขัน Subaru Ironman Canada และการแข่ง Ironman World Championship 2007 ในฮาวาย ผู้ฝึก และแพทย์ด้านการกีฬาของฉันทำให้ ฉันมีสุขภาพที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะทำได้
วันแข่งขันเป็นวันที่ฉันต้องดิ้นรน มาราธอนมีการเดินมาก แต่ใจของฉันมาเต็ม ฉันอยากจะจบด้วยคาร์เตอร์ทั้งหัวใจ ฉันมีจุดประสงค์ในทุกย่างก้าว ชัยชนะไม่ใช่ ชัยชนะที่ครองตำแหน่ง ชัยชนะคือการวิ่งระยะ 100 เมตรครั้งสุดท้ายกับเด็กชายอายุหกขวบ
ชื่อคาร์เตอร์
ฉันจำได้ว่ากำลังมองลงไปที่เส้นชัยยาวๆ และสงสัยว่าคาร์เตอร์อยู่ที่ไหน ฉันเหนื่อยล้าทั้งกายและใจจากการแข่งเก้าชั่วโมง แล้วฉันก็ได้เห็นรอยยิ้มกว้างของเขา ความเหนื่อยล้าทั้งหมดหลุดออกจากร่างกายฉัน ฉันวิ่ง การแข่งขันที่แท้จริงนั้นเพิ่งเริ่มต้น
ฉันจำไม่ได้ว่าวิ่งเข้าเส้นชัย แต่มีคนถ่ายรูปคาร์เตอร์กับฉัน ฉันกำลังมองคาร์เตอร์และใบหน้าของเขาอยู่ในมือฉัน เราเรียกมันว่า “The Touch” เพราะคาร์เตอร์ไม่เคย สัมผัสหรือได้รับการสัมผัสจากใครที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิสเพราะกลัวว่าจะเชื้อกระจาย การติดเชื้อสามารถคร่าชีวิตได้ แต่ในวันนี้เรายังคงอยู่ยงคงกระพัน ชาวซิสติก ไฟโบรซิสชนะแล้ว! นี่คือจุดเด่นของอาชีพที่และความสมปรารถนาแท้จริง
และที่เส้นชัย คาร์เตอร์บอกฉันว่าฉันสามารถวิ่งเข้าเส้นชัยกับเขาได้เมื่อเขาแข่ง Ironman ครั้งแรกสำเร็จ นั่นคือความหวัง!
ให้ทุกคนไปที่จุดเริ่มต้นของตัวเองด้วยพลังงานภายในเพื่อเป็นผู้นำที่อ่อนน้อม แต่ด้วยความมั่นใจ ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น แต่มีปัญญาพอที่จะทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงกลายเป็นองค์ประกอบที่ดีที่สุดของเรา ความทุกข์ยากนำไปสู่ความยิ่งใหญ่ เป็นแฟนตัวยงของตัวคุณเองและเป็นฮีโร่ในชีวิต; หาทางที่ไม่มีทาง; ทำสิ่งที่คุณเริ่มให้เสร็จและทำทุกอย่างด้วยหัวใจ

Lisa Bentley, ลิซ่า เบนท์ลีย์แข่งขันกีฬามาเป็นเวลา 20 ปีในฐานะนักไตรกีฬามืออาชีพอันดับหนึ่ง เธอชนะการแข่งขันไอรอนแมนหลายสิบครั้งและเป็นตัวแทนของทีมชาติแคนาดาหลายทีมแม้ว่าจะเป็นโรคซิสติก ไฟรโบรซิส แต่รางวัลที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอคือ สัญญาณแห่งความหวังสำหรับครอบครัวซีเอฟ เบนท์ลีย์เขียนหนังสือเล่มแรกของเธอที่ชื่อว่า “An Un Champion Champion” และได้ขึ้นพูดสร้างแรงบันดาลใจไปทั่วอเมริกาเหนือนับตั้งแต่ที่เธอวางมือจากการเป็นนักกีฬามืออาชีพ เธอสอนผู้ฟังมากมายถึงวิธีการผันความทุกข์ยากให้เป็นความเชี่ยวชาญ และให้กำลังใจพวกเขาให้เป็นตัวของตัวเองที่ดีที่สุดในทุกๆ วัน