มีเรื่องหนึ่งที่เราในวัยหนุ่มไม่ค่อยคิด เราเคยคิดไหมว่าเวลาเราเกษียณอายุการทำงานตอนประมาณอายุ 60 ปีตอนนั้นเราอาจไม่ได้ทำงาน เราคงอยากจะพักผ่อน เราทำงานมาค่อนชีวิตเราเคยลองคำนวณไหมว่าเราน่าจะมีเงินเก็บเท่าไหร่ในตอนนั้น เราเคยลองคำนวณจากเงินเดือนที่ขึ้นทุกปี เราเคยลองหาข้อมูลจากรุ่นพี่ที่ทำงานที่อายุสัก 50-55 ปีไหม แต่สิ่งที่น่าจะวิเคราะห์มากกว่าเรื่องนี้ยังมีอีกเรื่องนึง เราลองมาวิเคราะค่าใช้จ่ายหลังอายุ 60 ปีว่าค่าดำรงชีพแบบธรรมดาใน 1 วัน ทานข้าวบวก ผลไม้มื้อละ 100 บาท 3 มื้อตกวันละ 300 บาทเดือนละ 9,000 บาท
ค่าไฟ ค่าแอร์ ค่าน้ำประปาที่ใช้ในชีวิตประจำวันประมาณเดือนละ 2,000 บาท
ค่างานสังคม การ์ดงานศพ งานแต่ง งานเทศกาลต่าง ๆเดือนละ 1,000 บาท
ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่าโทรศัพท์บ้าน ค่าอินเตอร์เน็ตเดือนละ 1,000 บาท
ค่ายาเวลาป่วยที่ไม่มีสวัสดิการหาหมอเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง 1,000 บาท
ค่าเสื้อผ้าที่ใส่อยู่บ้านหรือใส่ไปงานเลี้ยงเฉลี่ยแบบถูกสุดเดือนละ 1,000 บาท
ค่าน้ำมันรถที่ขับใช้ในชีวิตประจำวันเดือนละ 3,000 บาท
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ถ้าผู้หญิงเครื่องสำอาง ผู้ชายซื้อของใช้ส่วนตัวเดือนละ 1,000 บาท
ค่าเสื่อมอุปกรณ์ในบ้าน หลอดไฟเสีย ก๊อกน้ำเสีย โถส้วมตัน หน้าต่างชำรุดเดือนละ 1,000 บาท
รวมค่าใช้จ่าย ประมาณ เดือนละ 20,000 บาท ปีละ 240,000 บาท
ถ้าเราคิดว่าเราน่าจะมีชีวิตอยู่ถึงอายุ 85 ปีก็เท่ากับ 240,000 คูณ 26 ปี = 6,240,000 บาท
คุณพ่อผมเคยล้มหัวฟาดพื้นผ่าตัดสมองรพ. เอกชนใช้เงินไปประมาณ 500,000 บาท คุณเชื่อไหมว่ามีค่าใช้จ่ายฉุกเฉินแบบนี้
ที่ครอบครัวผมว่าน่าจะเตรียมค่าใช้จ่ายแบบนี้ ไว้ 4 ครั้ง ประมาณ 2,000,000 บาท รวมเป็น 8,240,000 บาท
ยังไม่ได้รวมการพักผ่อนหลังเกษียณ ท่องเที่ยวให้รางวัลชีวิตตัวแทน ในการท่องเที่ยวต่างประเทศหรือภายในประเทศ
ลองคำนวณเล่นๆ ว่า ลองเที่ยวสัก 5 ประเทศหลังจากอายุ 60 - 64 ปี เที่ยว 5 ครั้งพอใช้เงินปีละ 60,000 บาท
5 ปี ประมาณ 300,000 บาท รวมค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมไว้ประมาณ 8,540,000 บาท คุณคิดว่าหลังเกษียณคุณจะมีเงินเก็บ
และเงินก้อนสุดท้ายจากที่ทำงานถึง 8.5 ล้านหรือยังครับ หากยังไม่ถึงคุณเคยคิดแผนสำรองไว้ไหมว่าค่าใช้จ่ายข้างต้นเกิดขึ้นจริงกับคนทุกคนแน่นอน หากคุณมีเงินเก็บหลังเกษียณสัก 4 ล้าน คุณต้องมีการวางแผนประกันชีวิตแบบบำนาญอีก 4 .5 ล้าน ขีวิตหลังเกษียณของคุณถึงจะปลอดภัย จะเป็นชีวิตหลังเกษียณแบบมีความสุขไม่ต้องพึ่งภาระลูกหลาน ในเมื่อไม่ต้องพึ่งภาระลูกหลาน ลูกหลานก็จะมาหาบ่อย มาดูแลบ่อย หากต้องพึ่งภาระลูกหลาน ลูกหลานก็นานๆ มาที หากเรามีลูกหลายคนเขาก็จะเกี่ยงกัน ลูกคนที่ 1 มาแล้ว คนที่ 2 มายัง คนที่ 3 มายัง คนที่ 4 มายัง มันก็จะเป็นความทุกข์ของผู้สูงวัยต้องมาเจอสภาพแบบนี้ ว่าลูก 4 คน เกี่ยงกันดูแลพ่อแม่ แต่พ่อแม่มีลูกกี่คนก็ดูแลได้ทุกคน นี่คือสภาพผู้สูงวัยเป็นแบบนี้ทั่วโลก คุณลูกค้าครับ ทำไม เราไม่วางแผนเพื่อความปลอดภัยหลังเกษียณ ทำไมเราต้องใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เราจึงเห็นสภาพผู้สูงวัยจำนวนมากที่หยุดการทำงานไม่ได้ เราลองเข้าไปในตลาดสดสิครับ คุณจะเห็นภาพผู้สูงวัยจำนวนมากที่ยังต้องทำงาน มีผู้สูงวัยจำนวนมากต้องพึ่งภาระรัฐบาลมีผู้สูงวัยจำนวนมากต้องพึ่งลูกหลาน แอบร้องไห้บ่อยๆ เพราะความน้อยใจลูกที่ไม่ใส่ใจพ่อแม่ มีผู้สูงวัยจำนวนมากถูกส่งไปบ้านพักคนชรา สิ่งเหล่านี้คือการขาดการวางแผนเกษียณ คุณลูกค้าครับวันนี้ผมอยากจะมาวางแผนเกษียณให้คุณลูกค้าครับ
เราลองมาคำนวณของคุณลูกค้าดูครับจากที่เราคุยกันด้านบน คุณลูกค้ายังคงต้องมีบำนาญใช้หลังเกษียณอีก
4.5 ล้าน ถ้าตอนนี้คุณลูกค้าอายุ 40 ปี คุณลูกค้าสามารถใช้สูตรนี้ได้ครับ เอาบำนาญ 4.5 ล้านหารด้วย 26 ปี
แล้วหารด้วย 15 ก็จะได้ผลลัพธ์ของทุนประกันที่ต้องซื้อ 1,153,847 บาท ถ้าเราวางแผนซื้อประกันบำนาญตามทุน
ประกันตามนี้เวลาเราอายุ 60 ปี เราจะได้บำนาญปีละร้อยละ 15 ของทุนประกันคือปีละ 173,077 เราจะได้บำนาญ
ทั้งหมด 26 ปี ก็เอา 173,077 คูณด้วย 26 ปี ก็จะเท่ากับ 4.5 ล้านบาท นั่นคือตัวเลขที่เราต้องวางแผนบำนาญครับ
ต่อมา บทพูดการขาย บำนาญเคสล้าน
1. องเปิดใจสร้างบรรยกาศแรกพบในการสนทนา ลูกค้าฐานะดีๆ งานจะยุ่งมากเวลาไปพบผมมักไปพบตอนเลิกงาน
เพราะฉะนั้นลูกค้าบางท่านอาจเพิ่งเครียดเรื่องงานมา ตัวแทนบางท่านไปเจอปุ๊บก็รีบเสนอแบบเพราะคิดว่าเป็นลูกค้าเก่าสนิทสนมกันแล้ว เราเคยนึกกันไหมครับ ลูกค้าอาจอารมณ์เสียกับลูกน้องหรืออารมณ์เสียกับบริษัท หรืออาจอารมณ์เสียกับครอบครัว มาถึงปุ๊บเราเสนอแบบ ลูกค้าอาจตอบแบบขอคิดดูก่อน จิตวิทยาของการซื้อของคนเราจะซื้อของง่ายตอนอารมณ์ดี แต่ลูกค้าอารมณ์ขุ่นมัวมักจะไม่ตัดสินใจซื้อประกันในเบี้ยประกันที่สูง ผมมักจะเปิดใจลูกค้าคุยกับลูกค้าสัก 20 นาทีทำให้ลูกค้าสนุก ลูกค้าอารมณ์ดี ลูกค้าหัวเราะระหว่างที่เปิดใจ 20 นาที ผมจะสร้างความสุขในการสนทนาให้มากที่สุด
2. ผมจะเสนอไอเดียในการขาย ผมจะถามลูกค้าว่าเวลาเราไปเที่ยวต่างประเทศ เราจะเจอทัวร์แบบรีบๆ เจอสถานที่สวยๆ
ก็อยู่ได้ไม่นาน ลูกค้าเคยเจอปัญหานี้ไหมครับ ลูกค้าบอกใช่ๆ บางทีอยากอยู่ตรงนี้นานแต่ไกด์บอกให้รีบขึ้นรถ คุณลูกค้าครับ คุณลูกค้าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตสูงมาก ตั้งแต่ผมได้พบลูกค้าครั้งแรกมีคนในประเทศไม่ถึงร้อยละ 5 ที่ประสบความสำเร็จแบบลูกค้า คุณลูกค้าครับในยามบั้นปลายชีวิตเรามีสิทธิใช้ชีวิตไม่เหมือนใคร มีโครงการบำนาญอยู่โครงการหนึ่งครับเราเพียงแค่วางแผนว่า เราจะไปเที่ยวต่างประเทศหลังอายุ 60 ปี เราจะเที่ยวแบบไม่เหมือนใคร มีคนบอกว่า สวิส อากาศดีมาก เราอยากเที่ยวแบบ 1 เดือน สถานที่สวยๆ เราอยู่เที่ยวทั้งวัน เราเที่ยวสถานที่ที่สำคัญของสวิส ทังเดือน เราได้พักผ่อน เราได้ใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนใคร เราจะได้เที่ยวแบบนี้ 26 ปี 26 ประเทศก่อนเราจากโลกนี้ไป คุณลูกค้าสามารถทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ เพียงคุณลูกค้าออมเงินในแผนประกันบำนาญทุกปีโดยซื้อประกันบำนาญเป็นทุนประกันปีละ 6,666,667 บาท
ถ้าอายุ 40 ปีก็ตกปีละ 731,166 ตัวเลขสมมุติโดยประมาณอายุ 61 ปี คุณลูกค้าลองวางแผน ไปเที่ยวแคนนาดา 1 เดือนไหมครับหรืออายุ 62 ปีวางแผนไปเที่ยวเยอรมัน 1 เดือนไหมครับ สิ่งที่ยากที่สุดของโครงการนี้คือ การตรวจสุขภาพ ถ้าสุขภาพดี สามารถทำได้ครับ พรุ่งนี้ผมมารับช่วงเช้า ลองไปตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้าขณะออกกำลังกายกันไหมครับ ตัวนี้จะบอกว่าหัวใจของเราทำงานปกติไหม ถ้าตัวนี้ผ่านก็มีสิทธิทำโครงการนี้ได้ครับ พรุ่งนี้พบกันน่ะครับ 7 โมงเช้าครับ
มีไอเดียการขายอีกมากมาย ไว้พบกันในงาน MDRT 2020

Panupon Vungvilai, AFP เป็นสมาชิก MDRT สี่ปีด้วยคุณวุฒิ Court of the Table สองครั้งและคุณวุฒิ Top of the Table สองครั้ง เขาก้าวเข้าสู่อาชีพประกันชีวิตในปี 1992 และขณะนี้เขามีประสบการณ์ ในฐานะตัวแทนมากกว่า 27 ปี เขาได้รับรางวัล TNQA Thailand Award เป็นเวลาสามปีติดต่อกัน