
ชายชราตาบอดนั่งขอเงินอยู่ริมถนน ถัดจากเขาคือกระดาษแข็งที่เขาเขียนว่า “ผมตาบอด ได้โปรดบริจาค เงินให้ผมด้วย” ชายชราผู้น่าสงสาร! ไม่มีผู้สัญจรไปมาหยุดเพื่อให้เงินเขาเลย สาวสวยคนหนึ่งเดินผ่านมา เห็นกระดาษแข็ง เธอหันกลับมาแล้วเขียนคำบางคำลงไป และเดินจากไป จากนั้นปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เกือบทุกคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มบริจาคเงินหนึ่งหรือสองดอลลาร์ให้เขา เย็นวันนั้น หญิงสาวคนนั้นเดินผ่านมา อีกครั้ง ชายชราคนนั้นถามเธอว่า “คุณเขียนอะไรลงบนกระดาษแข็งของผมงั้นเหรอ” หญิงสาวยิ้มและพูดว่า “ฉันเขียนเหมือนที่คุณเขียน แต่ในทางที่แตกต่างออกไป ฉันเขียนว่า 'วันนี้เป็นวันที่สวยงามมาก แต่ผมมอง ไม่เห็นมัน'”
“ผมตาบอด ได้โปรดบริจาคเงินให้ผมด้วย” คือความจริง ในขณะที่ “วันนี้เป็นวันที่สวยงามมาก แต่ผมมอง ไม่เห็นมัน” คือการเล่าเรื่องราว ความจริงเป็นตรรกะ แต่ไร้ซึ่งอารมณ์ ในทางกลับกัน เรื่องราวคือ ความอบอุ่น ที่สัมผัสหัวใจ คุณจะเห็นว่าการเล่าเรื่องเป็นวิธีการสื่อสารที่ทรงพลังและน่าเชื่อมาก นักเล่าเรื่องที่ดีสามารถ นำผู้ชมผ่านการเดินทางที่เต็มไปด้วยอารมณ์ การหัวเราะและการร้องไห้ไปพร้อมกัน และปิดการขายได้ ฉันขอเชิญให้คุณรับสามเคล็ดลับไปใช้ในการเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี
ก่อนอื่น เราจะมาดูการเตรียมเนื้อหาของเรื่องราว จากนั้นจึงจะเล่าเรื่องราวที่กระตุ้นผู้คน และสุดท้ายคือ การเตรียมอุปกรณ์ประกอบฉาก
สามขั้นตอนง่ายๆ ที่คุณต้องการเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่ดี:
ขั้นตอนที่ 1: จัดเตรียมและสร้างสถานการณ์ที่สวยงาม ตัวอย่างเช่น “วันที่สดใสและสวยงาม”
ขั้นตอนที่ 2: การหักมุมที่ไม่คาดคิดต่อสถานการณ์ ทุกคนมีภาพที่สวยงามปรากฏขึ้นในใจ และทันใดนั้น ก็มีภาพชายชราตาบอดมาขอเงินที่ริมถนน เขาไม่สามารถมองเห็นท้องฟ้าที่สดใส และไม่สามารถมองเห็น ฝูงชนที่มีชีวิตชีวารอบตัวเขาได้ ภาพนี้มีความแตกต่างกันมากจนผู้ชมอาจเริ่มรู้สึก มืดมน พร้อมกับเกิด ความเห็นอกเห็นใจต่อชายชราคนนั้น
ขั้นตอนที่ 3: การจบลงอย่างมีความสุข อิทธิพลจากสิ่งที่หญิงสาวเขียนลงบนกระดาษแข็ง ผู้คนเริ่มให้เงิน กับชายชรา ชายชราดีใจและขอบคุณหญิงสาว
เนื้อหาเรื่องราวของคุณพร้อมแล้ว เราจะเรียนรู้วิธีการเล่าเรื่องที่ดี ขั้นแรก พูดกับหัวใจของคุณจนคุณรู้สึก สะเทือนใจเพราะเรื่องราวของคุณเอง ขั้นที่สอง พูดแบบมีไดนามิก เมื่อคุณชำนาญกับการใช้น้ำเสียง และ ระดับเสียงของคุณ และการไหลของอารมณ์ คุณจะนำผู้ชมเข้าสู่ฉากราวกับว่าพวกเขาเป็นตัวละครนำด้วย ตัวเอง ขั้นที่สาม ให้สื่อสารด้วยร่างกายของคุณ ภาษากายสามารถเพิ่มความลื่นไหลของเรื่องราว และดึงดูด ความสนใจของลูกค้าของคุณได้ สุดท้าย ให้สื่อสารด้วยตา มองเข้าไปในสายตาของลูกค้าของคุณในขณะที่ คุณพูด ในขณะที่คุณหยุดพูด การสบตาของคุณในช่วงเวลาที่เงียบจะส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งทางอารมณ์ ต่อลูกค้าของคุณ
สุดท้ายนี้ เราจะดูที่การเตรียมอุปกรณ์ประกอบการเล่าเรื่องของคุณ อุปกรณ์ประกอบฉากคือ หลักฐานของ เรื่องราวของคุณที่ลูกค้าจะตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความจริงของเรื่องราวไม่ได้เลย อุปกรณ์ประกอบฉากอาจ เป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่ภาพถ่ายบุคคล ใบเรียกเก็บเงินทางการแพทย์ หรือแม้แต่ข้อความขอบคุณจากลูกค้า ที่คุณได้ช่วยเหลือตลอดกระบวนการเคลมประกัน
เราจะเล่าเรื่องราวแบบใดในวงจรการขายให้สัมผัสหัวใจลูกค้าของเรา มีเพียงคำตอบเดียวและนั่นคือ เรื่องราวที่แท้จริง สิ่งที่คุณต้องทำคือ แบ่งปันรายละเอียดของเหตุการณ์ตามความเป็นจริง คุณสามารถ แบ่งปันทุกรายละเอียด เช่น เวลาและสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ หรือรายละเอียดอื่นๆ ที่มีความสำคัญและ อย่าลืมว่าห้ามเปิดเผยตัวละครนำ
“ฉันต้องเตรียมสักกี่เรื่อง” คุณอาจถามได้ คุณต้องการเรื่องราวที่ดีเพียงเรื่องเดียว เตรียมหนึ่งเรื่องให้พร้อม สำหรับการประกันภัยแต่ละประเภท ก่อนที่คุณจะมีเรื่องราวของตัวเองที่จะเล่า คุณสามารถยืมเรื่องราวของ คนอื่นได้เสมอ และอย่าลืมเล่าเรื่องนั้นให้ดีกว่าใครๆ
.jpg)
Esther Hu สร้างสัมพันธ์กับลูกค้าของเธอผ่านการเล่าเรื่องที่มีพลัง Hu มีลูกค้ามากกว่า 700 รายในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอให้เครดิตความสำเร็จของเธอกับความสามารถในการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ด้วยเรื่องราวที่น่าจดจำ