
ผู้ดำเนินรายการ Belman: ในเซสชันนี้ คุณจะได้เรียนรู้วิธีการใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ส่วนบุคคล การจัดการอีโก้และการค้นพบว่าความสมดุลระหว่างสุขภาวะด้านสังคมและอารมณ์ช่วยมืออาชีพด้านการเงิน เช่นคุณนำการเป็นสมาชิก MDRT ไปสู่อีกระดับ
Milne: ดิฉันเกิดในสก็อตแลนด์ ครอบครัวเลี้ยงดิฉันมาอย่างดี แต่ครอบครัวต้องการให้ดิฉันเรียนมหาวิทยาลัย และมีงานๆ ดีทำในวงการแพทย์ ดิฉันไม่ต้องการทำอย่างนั้น ดิฉันเลยย้ายไปทั่วสหราชอาณาจักร และท้ายที่ สุดก็ปักหลักอยู่ในบริสทอล ประเทศอังกฤษ ดิฉันเริ่มเป็น ที่ปรึกษาทางการเงินและให้การบริการทางการเงิน ในปี 1998
รอบตัวดิฉันเต็มไปด้วยที่ปรึกษาทางการเงินที่ประสบความสำเร็จ ดิฉันคิดว่าสามารถเป็นอย่างพวกเขาได้ และทำให้ครอบครัวภูมิใจได้ ปัญหาก็คือในเวลานั้นดิฉันยังรู้น้อยเกินไป และไม่ได้เข้าใจจริงๆ ว่าต้องทำมาก แค่ไหนถึงจะประสบความสำเร็จได้มากขนาดนั้น
ดิฉันเริ่มใช้เครดิต และควบคุมไม่ได้ และติดกับอยู่ในนั้น ในปี 2004 ดิฉันหมดตัว และสูญเสียทุกสิ่ง จึงกลับ ไปบ้านที่สก็อตเเลนด์อย่างผิดหวัง ดิฉันคิดว่าครอบครัวจะช่วยให้ปัญหานั้นผ่านพ้นไปได้ แต่ไม่มีใครช่วย ความรู้สึกเกลียดตัวเองเริ่มเกิดขึ้น เป็นอย่างนั้นอยู่ประมาณสี่ปี แล้วก็เกิดประกายแห่งความหวัง ดิฉันผ่าน คุณสมบัติเป็นสมาชิก MDRT ในปี 2003 และมีคอนเน็กชั่นกับ MDRT พวกเขาบอกดิฉันว่าดิฉันยังคง
มีบางสิ่งต้องให้ ตอนแรกดิฉันไม่ฟัง แต่พวกเขาต่างบอกว่า "ไม่เอาน่า Elaine คุณทำได้ คุณจะมีอนาคตที่คุณ มีได้”
ท้ายที่สุดก็คลิกกับบางอย่าง และเริ่มฟัง และเริ่มทำสิ่งที่ถูกต้อง ดิฉันผ่านคุณสมบัติการเป็น MDRT อีกครั้ง ดิฉันก้าวไปข้างหน้าทีละนิดๆ และเริ่มเข้าใจว่าเมื่อทำสิ่งต่างๆ เพื่อคนอื่น ดิฉันจะได้รับบางสิ่งตอบแทนกลับมา ตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกของคุณอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
Kagawa: ผมเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นอเมริกันรุ่นที่สาม และในวัฒนธรรมของเรา ลูกชายคนโตสำคัญที่สุด ผมเป็น ลูกชายคนแรกของพ่อ เป็นเรื่องธรรมชาติที่จะคิดว่าผมจะรับช่วงดูแลกิจการของครอบครัว ซึ่งเป็นไปด้วยดี ในฮาวาย
พ่อให้ผมไปฝึกงานในบริษัทประกัน แล้วคุณผู้หญิงท่านนี้ ซึ่งน่าจะสอนผมเกี่ยวกับเรื่องกรมธรรม์ กลับสอน ผมเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย เธอเชิญผมไปที่บ้านเพื่อรับประทานอาหารค่ำ ผมไปที่บ้านเธอ เธอเล่าให้ผมฟังว่า “สามีและฉันเป็นเจ้าของธุรกิจในเขตเครื่องนุ่งห่ม วันหนึ่งคนพวกนี้ก็มาที่ธุรกิจของเราและขอเงินเราเป็นค่าคุ้มครอง แต่สามีฉันเป็นผู้ชายที่ภูมิใจในตัวเอง เป็นนักมวย เป็นคนที่แข็งแกร่ง เขาเลยปฏิเสธ พวกนั้นจึงยิงเขาจนตาย”
ผมคิดว่าน้ำตาผมเริ่มไหล เธอกล่าวว่า “ไม่หรอก Steven เรื่องไม่ใช่อย่างนั้น เรื่องก็คือหลายเดือนก่อนที่เรื่อง นั้นจะเกิดขึ้น มีนักขายมาที่บ้านเราและพยายามขายประกันชีวิต หลังจากคุยกัน ฉันบอกสามีว่า “เราควรซื้อนะ” เขาบอกว่า “คุณต้องตายก่อนจะได้ประโยชน์จากประกัน อย่าซื้อเลยดีกว่า”
“ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เขาบอกว่า “ผมคิดแล้วคิดอีกว่าผมจะเป็นพ่อหรือสามีแบบไหน ถ้าผมอยู่ไม่ถึงวันพรุ่งนี้ และไม่เตรียมอะไรเกี่ยวกับ การเงินไว้ให้คุณเลย” เขาจึงซื้อประกันชีวิตนั้น ดังนั้นเมื่อวันนั้นมาถึง ทุกสิ่ง เปลี่ยนไป แต่ประกันชีวิตนั้นช่วยชีวิตฉันไว้ คุณจำเป็นต้องอยู่ในธุรกิจที่ปกป้องผู้คนเหมือนฉัน ที่พึ่งพาสิ่งนั้น เพื่อชีวิตของเรา”
ฉันออกไปและได้ใบอนุญาตที่แคลิฟอร์เนีย และเปิดร้าน ฉันมีพันธกิจ คือ ฉันจะคุยกับแม่ทุกคนที่ฉันทำงาน ด้วย ฉันมีเพียงคำเดียวที่จะถาม “ใครจะเป็นดูแลจอห์นนี่ หากมีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับคุณ หากคุณไม่มีแผน บางทีคุณอาจต้องมีประกันชีวิตจากบริษัทนี้” ฉันเริ่มที่จะมีคนสมัครรับความคุ้มครองและเซ็นใบสมัคร นั่นคือจุดเริ่มต้นอาชีพของฉัน
ผู้ดำเนินรายการ Belman: Karen คุณสามารถช่วยให้ผู้ชมเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของความสัมพันธ์ ระหว่างบุคคล และการเป็นที่ปรึกษา ระดับแนวหน้า และไม่ใช่เพียงการก้าวสู่ระดับแนวหน้า แต่การอยู่ในระดับ แนวหน้าและการรักษาระดับผลการปฏิบัติงานที่ยอดเยี่ยมไว้ด้วย คุณต้องการแนะนำพวกเราอย่างไร
Atwell: หนึ่งในสิ่งที่ดิฉันใช้เวลามากคือแนวคิดเกี่ยวกับความฉลาดทางอารมณ์ และคุณค่าของการที่ไม่ใช่ แค่เพียงรู้จักฝีมือของตัวเองเป็นอย่างดี แต่ยังเป็นคุณค่าของการรู้จักตัวเอง และรู้จักวิธีเชื่อมต่อกับเพื่อนมนุษย์ คนอื่นๆ
ความฉลาดทางอารมณ์คือชุดทักษะที่เราทำให้เติบโตชั่วระยะเวลาชีวิตของเรา ความฉลาดทางอารมณ์แบ่ง เป็นห้ากลุ่ม กลุ่มแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับว่าเราเห็นตัวเองอย่างไร รู้จักตัวเองอย่างไร กลุ่มที่สองเป็นเรื่องเกี่ยวกับ เราแสดงอารมณ์หรือแสดงตัวตนของเราอย่างไร กลุ่มที่สามเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง บุคคล กลุ่มที่สี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสามารถในการตัดสินใจ และห้าคือการจัดการความเครียด
ดิฉันได้ฟังเกี่ยวกับการจัดการความเครียด ความยืดหยุ่น และการมองโลกในแง่ดีมามาก ดิฉันได้ฟังเกี่ยวกับ ความรับผิดชอบต่อสังคม ความต้องการช่วยเหลือผู้อื่น การได้รับความช่วยเหลือจากความเคราะห์ร้ายเพื่อ พยายามช่วยเหลือผู้อื่น เครื่องบ่งชี้ความฉลาดทางอารมณ์เหล่านี้ทำให้เราสามารถที่จะก้าวต่อไป และผลักดัน ตัวเองให้ทำในสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริง สามารถเข้าไปในที่ซึ่งสิ่งที่คุณทำทั้งวันคือช่วยเหลือผู้คน และคุณเข้าใจว่าทำไม
ผู้ดำเนินรายการ Belman: คุณพูดถึงความฉลาดที่มาจากความรู้สึกข้างใน คุณพูดถึงห้าขอบเขตของ ความฉลาดทางอารมณ์ คุณอธิบายเพิ่มเติมได้อีกหรือไม่
Atwell: ที่จริงเรามีศูนย์ความคิดสามแห่งในร่างกายเรา เรามีสมอง ซึ่งเราใช้คิด เราใช้ในการตัดสินใจ เรายัง คิดด้วยความรู้สึกลึกๆ ข้างใน และเราได้ยินตลอดเวลาใช่ไหม ฉันพูดว่า “ความรู้สึกข้างในบอกอย่างนั้น” ประการที่สามคือจิตวิญญาณของเรา หัวใจของเรา วิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์แล้วบอกว่ามีปัญญาหรืออิทธิพล ที่มาจากศูนย์ที่หัวใจของเรา ส่งจากร่างกายไปทางสมองในทางกายภาพ ที่ซึ่งเข็มทิศศีลธรรมของเราตั้งอยู่ และเมื่อเรานำสามศูนย์นี้มารวมกัน ก็จะทรงพลังมาก
ผู้ดำเนินรายการ Belman: Steve คุณช่วยเพิ่มมุมมองเกี่ยวกับเวลาที่เราอาจรู้สึกหลงทางในธุรกิจ
Kagawa: คุณเคยได้ฟังแล้วว่าผมก้าวสู่ธุรกิจอย่างไร ผมเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิด เรียนรู้ผลิตภัณฑ์ และขาย ผลิตภัณฑ์ ผมวิ่งไล่ตามทุกสิ่ง และพยายามเรียนรู้ทุกอย่าง แต่ในขณะเดียวกัน ผมกลับเก่งเรื่องศิลปะการขาย และไม่ค่อยเก่งเรื่องศิลปะการเป็นที่ปรึกษาที่มุ่งเน้นเรื่องชีวิตผู้คน ผมจึงต้องหาวิธีกลับมาทำให้ถูกต้อง
ผมเริ่มฟังเกี่ยวกับความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน ผมดูตัวเองในกระจกและพูดว่า “นายจะก้าวต่อไป อย่างไร และอะไรทำให้นายทำอย่างนั้น”
ผมพบค่านิยมหลักของชีวิตผมด้วยคำภาษาฮาวายห้าคำ คือ “aloha,” “mahalo,” “imua,” “pono” และ “‘ohana” “Mahalo” คือการเติมเต็มชีวิตคุณด้วยความรู้สึกขอบคุณ ให้รู้สึกขอบคุณกับอะไรก็ตามที่อยู่รอบ ตัวคุณ ความหมายของ “aloha” ที่ผมชอบคือความรัก การทำสิ่งต่างๆ ด้วยความรัก “Imua” คือการพยายาม เป็นคนที่ดีขึ้น การก้าวไปข้างหน้า “Pono” คือการทำสิ่งที่ถูกต้องด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง “Ohana” คือการปฏิบัติ ต่อผู้อื่นเหมือนพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา ผมผสานรวมสิ่งเหล่านี้มาใช้ในธุรกิจและทั้งชีวิตของผม
ผู้ดำเนินรายการ Belman: Elaine ผมอยากให้คุณเล่าให้ฟังว่าคุณทำได้อย่างไร คุณรู้ว่าเพื่อน MDRT ของ คุณนั้นสำคัญในเส้นทางของคุณเพื่อก้าวไปสู่ระดับสูงสุด ตอนที่กลับมานั้นเป็นอย่างไร
Milne: ดิฉันเริ่มเป็นตัวตนที่แท้จริง แทนที่ผู้คนจะมาบอกว่าดิฉันเป็นใครและควรเป็นอย่างไร ดิฉันถอยกลับ และคิดว่าที่จริงแล้วดิฉันต้องการอะไร ดิฉันเป็นใคร และดิฉันเริ่มฟังผู้อื่น ดิฉันพูดเสมอว่าทุกคนที่เราเคยพบ จะรู้บางสิ่งที่เราไม่รู้ และการได้ฟังเรื่องเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่ดี
ผู้ดำเนินรายการ Belman: Karen เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราสามารถเชื่อมโยงกับตัวตนภายในของเราได้แล้ว มีความรู้สึกแบบไหนที่ชัดๆ หรือไม่ก็ที่เราสามารถมองหาได้
Atwell: โดยทั่วไป เรารู้สึกความเชื่อมโยงกับตัวเองภายในนี้ เมื่อเรากำลังทำสิ่งที่เรียกว่า “การทำงานใน การเปลี่ยนผ่าน” ดิฉันคิดว่าทุกคนสามารถคิดถึงเวลาในชีวิตที่มีเรื่องราวที่เรียกว่า “ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน” ที่ไม่ ว่าอะไรก็ตามที่คุณกำลังทำไม่ตอบสนองความต้องการของคุณ เป็นสิ่งที่ลากคุณลงไป คุณจึงจำเป็นต้อง ปล่อยสิ่งนั้นไป
ผู้ดำเนินรายการ Belman: ผมเคยถูกถามครั้งหนึ่งว่า คนเราให้เพราะมี หรือเรามีเพราะเราให้ ผมทราบว่า Elaine และ Steve เป็นผู้ที่อุทิศให้กับมูลนิธิ MDRT มากมาย ลองเล่าให้ฟังว่าคุณเข้าไปเกี่ยวข้องกับมูลนิธิ อย่างไรบ้าง
Milne: ดิฉันคิดว่าสิ่งแรกที่ดิฉันทำสำหรับมูลนิธิคือโครงการให้บริการในปี 2015 ในนิวออร์ลีนส์ พวกเรา ประมาณ 200 คนได้รับมอบหมายให้ไปที่ชุมชนเพื่อช่วยซ่อมแซมบ้านของคนที่อยู่ในเทรลเลอร์มาเป็นเวลา 10 ปี เพราะบ้านพังทลายจากพายุเฮอร์ลิเคนแคทรินา ดิฉันอยู่ในกลุ่มที่ได้รับมอบหมายให้ทาสีบ้าน
เมื่อทำงานเสร็จ เรารับประทานอาหารที่บ้านของผู้หญิงที่เราซ่อมบ้านให้เสร็จ เธอเป็นคนพิการ เธอนั่งรถเข็น และพูดว่า “คุณไม่ได้แค่นำบ้านมาคืนให้ฉัน เมื่อคุณนำมาบ้านมาคืนให้ใคร คุณนำความอบอุ่นของบ้านมาให้ ด้วย เมื่อคุณนำมาความอบอุ่นของบ้านมาคืนให้ใคร คุณนำชีวิตของเขากลับมาให้ด้วย เมื่อคุณนำมาชีวิตมาคืน ให้ใคร คุณนำความฝันของเขากลับมาให้ด้วย และเมื่อคุณนำความฝันมาคืนให้ใคร ไม่จำเป็นต้องบอกอีก ต่อไปว่าพวกเขาต้องทำอะไรเพื่อให้ประสบความสำเร็จ”
ดิฉันได้เพราะดิฉันให้ และถือเป็นสิทธิพิเศษอย่างยิ่งที่ตอนนี้ดิฉันมีสิ่งที่สามารถให้ผู้อื่นได้
ผู้ดำเนินรายการ Belman: แนวคิดคนเต็มคนใดที่ดีที่สุดที่คุณจะมอบให้แก่ที่ปรึกษาที่ต้องการได้รับคุณวุฒิ Court of the Table และ Top of Table
Kagawa: ผมขอเริ่มจากการบอกว่าต้องมีวิสัยทัศน์ ขอให้มีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับโลกที่คุณต้องการสร้าง และจาก นั้นฝังรากลึกลงในค่านิยมหลักของคุณ
ผู้ดำเนินรายการ Belman: Elaine เช่นกัน Court of the Table และ Top of the Table คุณว่าอย่างไร
Milne: อย่ายอมแพ้ ไม่ใช่ทุกปีจะเป็นปีที่ดี ไม่ใช่ทุกวันจะเป็นวันที่ดี และต้องเข้าใจว่าบางครั้งประสบการณ์ที่ โหดหินที่สุดที่เราผ่านมาได้คือจุดที่เราได้เรียนรู้บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา จากนั้นก็ลุกจากเตียงในวัน รุ่งขึ้น และแค่ทำอีกครั้ง และทำอีกครั้งไปเรื่อยๆ
ผู้ดำเนินรายการ Belman: Karen มีอะไรจะเพิ่มเติมบ้างไหม
Atwell: อาจจะเป็นการถามตัวคุณเองวันละหลายๆ ครั้งว่า ฉันต้องการให้ผู้คนจดจำในแบบใด แล้วก็เขียน ลงไปทุกที่ และถามตัวเองวันละหลายๆ ครั้ง