![ค้นพบเทรนด์เทคโนโลยีประกันภัยในประเทศไทยปี 2566 ที่จะพลิกโฉมธุรกิจประกันภัยและวิธีปรับใช้ให้เข้ากับตัวคุณ [คุณณัฐนนท์ แช่มชื่น]](/_next/image?url=https%3A%2F%2Fmembers.mdrt.org%2Fglobalassets%2Fdigizuite%2F27406-en-th_mdrt-2023feb-written--discover-the-2023-insurtech-trends-in-thailand-that-will-transform-the-insurance-industry-and-how-to-adapt-them-to-your-practice.jpg&w=3840&q=75)
เทคโนโลยีในโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโลกต้องเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เปลี่ยนให้ทุกคนเคยชินกับการรักษาระยะห่างระหว่างกัน ในขณะที่สามารถทำงานและพูดคุยแบบระยะไกลได้อย่างราบรื่น
สำหรับประเทศไทยแล้ว Insurtech จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที จากการประชุมของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้มีการดำเนินการเพื่อเร่งให้อุตสาหกรรมประกันภัยเกิดการปรับเปลี่ยนและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Insurtech ใน 7 มิติหลัก ๆ ตั้งแต่การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลและขยายขอบเขตการเชื่อมโยงข้อมูลการประกันภัย การพัฒนาแพลตฟอร์มกลาง การส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การกำกับดูแลเพื่อเอื้อต่อการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม การป้องกันการฉ้อฉลประกันภัยด้วย AI การคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยด้วยเทคโนโลยี ไปจนถึงการเป็น SMART OIC เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายใต้จักรวาลใหม่ของการประกันภัยในประเทศไทย
คำแถลงจาก คปภ. สอดคล้องกับแนวคิดด้านการปรับตัวและพัฒนาตนเองสู่สังคมแห่ง Insurtech ของสมาชิก MDRT คุณณัฐนนท์ แช่มชื่น ที่ว่า เทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในกระบวนการซื้อและขายประกัน เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ง่ายขึ้น มีความสะดวกสบายมากขึ้น
“เทคโนโลยีช่วยให้เราในฐานะที่ปรึกษาสามารถเข้าถึง Database ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นช่วยเฟ้นหา Product ที่ครอบคลุมกับความต้องการของลูกค้า ทำให้โลกแห่งการประกันภัยได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโควิดที่ผ่านมา Insurtech กลายเป็นเทรนด์ที่ทุกคนล้วนจับตามองในทุก ๆ ปี หรืออีกหลาย ๆ ปีต่อจากนี้ เพราะเทคโนโลยีช่วยให้การขายประกันแบบไม่ต้องเจอตัวเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ลูกค้าตกลงซื้อประกัน เซ็นเอกสารแบบอิเลิกทรอนิกส์ และการยืนยันตัวตัวผ่านระบบออนไลน์ ทำให้การติดต่อกับลูกค้าได้ง่ายขึ้น สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้ธุรกิจประกันเติบโตมากขึ้นในอนาคต” คุณณัฐนนท์ กล่าว
เครื่องมือ Insurtech ที่ตีโจทย์แตก
แน่นอนว่าโจทย์หลักของแวดวงการประกันภัยในปัจจุบัน คือ เราจะใช้ Insurtech เพื่อเปิดโอกาสใหม่สำหรับที่ปรึกษาในการติดต่อสื่อสารพบปะกับลูกค้า เพื่อเสนอขายและให้บริการประกันภัย สร้างการรับรู้ที่ดีขึ้น เข้าถึงกันได้เร็วขึ้น สื่อสารได้สะดวกขึ้น และสร้างความประทับใจที่เพิ่มขึ้น หรือแม้แต่จะใช้พื้นที่นี้สำหรับอบรมและสื่อสารกับพนักงานของบริษัทได้อย่างไร ทั้งนี้เทรนด์ Insurtech ในอนาคตได้เข้ามาตอบคำถามและสนองความต่อการเหล่านี้ได้อย่างน่าทึ่ง ส่งผลให้มุมมองและรูปแบบในการดำเนินธุรกิจประกันภัยต้องเปลี่ยนไปจากรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบเดิม สู่การเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มใหม่เพื่อสามารถให้ความคุ้มครองและบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด
คุณณัฐนนท์ ได้ยกตัวอย่างเครื่องมือ Insurtech ที่น่าสนใจสำหรับการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า โดยใช้แพลตฟอร์มกลางในการเข้าถึง พูดคุย วางแผน ให้ข้อแนะนำ ไปจนถึงปิดการขายได้อย่างสะดวกและทันใจ เช่น การขายประกันผ่านระบบ iSign หรือระบบการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ และต่อยอดการพูดคุยวางแผนผ่านระบบ iPlan ซึ่งทั้งสองระบบนี้เป็น Insurtech ที่จำเป็นอย่างมากต่อการขายประกันในยุคโควิคที่ผ่านมา
“iSign ทำให้การเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น ลดระยะเวลาในการทำงาน และลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ รวมถึงได้แนะนำลูกค้าติดตั้ง Application iService ทุกครั้งที่ลูกค้าทำประกัน พร้อมทั้งแนะนำการใช้งานให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลของตนเองได้อย่างรวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา ง่ายดายแค่ปลายนิ้วคลิก และยังลดระยะเวลารอคอยข้อมูลต่าง ๆ จากตัวแทน และ Call Center ในขณะที่ผมจะใช้ iPlan ในการพูดคุยวางแผนกับลูกค้าอยู่เป็นประจำ ซึ่ง iPlan จะช่วยวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า ช่วยแนะนำแผนคุ้มครองที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้นอีกด้วย” คุณณัฐนนท์ กล่าวเสริม
ก้าวต่อไปข้างหน้า
เทรนด์ Insurtech จะเป็นเทรนด์เทคโนโลยีในแวดวงประกันภัยที่จะก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดพัก เช่นเดียวกับที่ปรึกษาทางการเงินที่ต้องคอยจับตาดูเทรนด์เหล่านี้และก้าวตามให้ทันเสมอ เพราะการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กันการทำงานจะช่วยให้สามารถนำเสนอ Product ได้ง่ายมากขึ้น สามารถบริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและครบวงจร รวมถึงประหยัดเวลาการเดินทาง ทำให้สามารถทำงานได้มากขึ้น รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
ตัวอย่างหนึ่งของเทรนด์ Insurtech ที่กำลังมาแรงและเป็นที่น่าจับตามองจากทั้ง คปภ. และสมาชิก MDRT คุณณัฐนนท์ คือ เทคโนโลยี ORC หรือที่เรียกว่า Optical Character Recognition การเปลี่ยนข้อความที่อยู่ในรูปภาพ ให้อยู่ในรูปแบบของข้อความ ซึ่งเทคโนโลยี OCR จะช่วยให้สามารถเก็บข้อมูลเหล่านี้ให้อยู่ในรูปแบบของดิจิทัลได้ โดยคุณณัฐนนท์ ให้ความเห็นว่าตนเองสนใจการนำเทคโนโลยี OCR เข้ามาใช้เริมประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรประกันภัย เพราะ OCR จะทำให้ workflow ขององค์กรมีความคล่องตัวและเป็นอัตโนมัติมากขึ้นในการดึงข้อมูลจากเอกสาร ลดขั้นตอนในการทำงาน และช่วยให้การดำเนินงานในขั้นตอนต่าง ๆ เกิดความรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงข้อมูลมีความถูกต้อง ลดความผิดพลาดต่างๆ จาก Human Error ที่เกิดขึ้นได้บ่อย ส่งผลทำให้เกิดความล่าช้าในการทำงาน ลูกค้าได้รับความเสียหาย แต่หากนำระบบ OCR มาใช้ก็จะช่วยลดระยะเวลา และลดความผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลได้
ท้ายที่สุดแล้วเทรนด์ Insurtech จะดำเนินและพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ ดังนั้นสิ่งที่เราจำเป็นต้องจับตาดูอยู่เสมออาจไม่ใช่แค่ตัวเทคโนโลยี แต่เป็นตัวของเราเองด้วยเช่นกัน เพื่อให้เรามีความรู้เท่าทัน สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างคล่องแคล่ว และปรับให้เข้ากับการทำงานทั้งส่วนระบบภายในและการดูแลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
“การใช้แอปพลิเคชั่นและบริการต่าง ๆ เช่น iPoS+ , iService และ iSign ,และ Application ต่าง ๆ ที่แต่ละบริษัททำมาเพื่อรองรับ ล้วนเป็นความท้าทายที่เหล่าที่ปรึกษาทุกคนต้องเผชิญและพยายามปรับตัวให้เข้ากับเครื่องมือ Insurtech เหล่านี้ แน่นอนว่าต้องอาจมีติดขัดในตอนแรก แต่ผลลัพธ์จพดีที่สุดเมื่อตัวเราเองใช้จริง ทดลองใช้ก่อนทุกๆ ฟังชั่น เมื่อเกิดปัญหาตรงไหนจะได้ทราบและหาแนวทางแก้ไข เมื่อเราใช้จนคล่องแล้วจะได้แนะนำให้เพื่อน ๆ ตัวแทน และลูกค้าได้ใช้งานร่วมกัน สิ่งที่ได้รับคือ Insurtech ที่ทันเทรนด์ทันโลก รวมถึงการทำงานที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว และทันใจลูกค้ามากขึ้นแน่นอน” คุณณัฐนนท์ กล่าวปิดท้าย
Contact: MDRTeditorial@teamlewis.com