+1 847 692 6378

325 West Touhy Avenue 
Park Ridge, IL 60068 USA

ติดต่อเรา

ลิงก์ที่เป็นประโยชน์

  • สำหรับบริษัท
  • MDRT Store
  • มูลนิธิ MDRT
  • MDRT Academy
  • MDRT Center for Field Leadership
  • Media Room

สถานที่ตั้งสาขา MDRT

  • Korea
  • Japan
  • Chinese Taiwan

ลิขสิทธิ์ 2025 Million Dollar Round Table®

การปฏิเสธความรับผิดนโยบายความเป็นส่วนตัว
ออกไปใช้ชีวิต

ในขณะที่ที่ปรึกษาส่วนใหญ่ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว แต่หลายคนก็ประสบปัญหาในการนำสิ่งสำคัญนั้นมาปฏิบัติจริง ระหว่างการบันทึกพอดคาสต์ MDRT, นายกสมาคม MDRT Carol Kheng, ChFC สมาชิก MDRT 27 ปี และอุปนายกสมาคม MDRT, John F. Nichols, MSM, CLU สมาชิก 25 ปีได้แชร์วิธีการจัดสรรเวลาสำหรับสิ่งสำคัญนอกเหนือจากงาน ฟังบทสนทนาเต็มรูปแบบได้ที่ mdrt.org/podcast

Kheng: ฉันเป็นนักปั่นจักรยานตัวยง ฉันมักจะมองชีวิตของฉันเหมือนวงล้อที่มีซี่ล้อสองสามซี่ และแต่ละซี่ล้อก็แสดงถึงสิ่งสำคัญในชีวิตของฉัน ได้แก่ ครอบครัว สุขภาพ ศาสนา ธุรกิจของฉัน และ MDRT ทุกปีหรือทุกต้นปี ฉันจะนั่งลงและพยายามวางแผนว่าเป้าหมายของฉันในด้านต่าง ๆ สำหรับปีที่จะมาถึงคืออะไร จากนั้น ฉันจะทำการประเมินในช่วงกลางปี ประมาณช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน และอีกครั้งในช่วงสิ้นเดือนธันวาคม เพื่อดูว่าฉันบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้มากน้อยแค่ไหน หากซี่ล้อไหนในวงล้อของฉันไม่สมบูรณ์หรือขาดหายไปจากการที่ฉันไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ วงล้อของฉันก็จะหมุนได้ไม่สมบูรณ์แบบ ฉันจึงคิดว่าแนวคิดเรื่องแนวคิดคนเต็มคนนั้น เกี่ยวข้องกับสิ่งสำคัญหลัก ๆ ทั้งหมดในชีวิตของเรา ซึ่งเหมือนกับซี่ล้อในวงล้อของฉัน

Nichols: และคนเต็มคนไม่ใช่ส่วนที่เท่ากันสี่ ห้า หรือหกส่วน เมื่อผมพูดถึงคนเต็มคน ในขณะที่บางคนตีความว่ามันคือการมีชีวิตที่สมดุล ผมกลับมักคิดว่ามันคือการมีชีวิตที่ตั้งอยู่บนศูนย์กลาง ซึ่งมีค่านิยมของผมเป็นศูนย์กลาง คุณจะต้องใช้เวลาในการทำงานมากกว่าออกกำลังกาย แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ควรออกกำลังกายและดูแลตัวเอง แล้วเราจะใช้แนวคิดคนเต็มคนในชีวิตของเราได้อย่างไร ผมใช้คติประจำใจที่เรียกว่าชัยชนะรายวัน

วันของผมเริ่มต้นด้วยชัยชนะรายวันของตัวผมเอง แล้วมันคือยังไง ก็อย่างเช่นออกกำลังกายบ้าง อย่างวิดพื้น แพลงก์ ผมจะออกกำลังกายในตอนเช้า ผมอ่านหนังสือบ้างในตอนเช้า ผมทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์ เช่น ข้าวโอ๊ตและบลูเบอร์รี่กับน้ำผึ้ง ผมทำแบบนี้มา 15 ปีติดต่อกันแล้ว ผมรู้ว่ามันน่าเบื่อ แต่นั่นคือสิ่งที่ผมทำเพราะผมต้องการรักษาน้ำหนักที่เหมาะกับตัว และเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันของผมที่เน้นชัยชนะรายวัน ซึ่งทำให้ผมมีเช้าที่ลงตัว

ส่วนหนึ่งของเช้าที่ลงตัวคือ ผมโทรศัพท์ 10 สายก่อน 9 โมงเช้า และนั่นก็ทำให้วันเริ่มต้นขึ้น ผมคิดเสมอว่าถ้าผมมีเช้าที่ลงตัว มันจะทำให้ส่วนที่เหลือของวันเป็นวันที่ลงตัวตามไปด้วย นั่นคือวิธีที่ผมมองคนเต็มคน ผมทำแบบนั้นมาหลายปีแล้ว และได้ผลสำหรับผม

คุณจะต้องใช้เวลาในการทำงานมากกว่าออกกำลังกาย แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ควรออกกำลังกายและดูแลตัวเอง
—John Nichols

เช้าที่ลงตัวของคนอื่นไม่จำเป็นต้องเหมือนกับสิ่งที่ผมทำหรือสิ่งที่ Carol ทำ เริ่มคิดว่าคุณสามารถทำอะไรเพื่อตัวเองก่อน แล้วค่อย ๆ ขยายออกไป คุณสามารถทำอะไรเพื่อครอบครัวของคุณได้บ้าง คุณสามารถทำอะไรเพื่อธุรกิจของคุณได้บ้าง คุณสามารถทำอะไรเพื่อชีวิตทางสังคมของคุณได้บ้าง และสร้างแบบจำลองของวันหรือสัปดาห์ที่ลงตัวเพื่อสร้างแนวคิดคนเต็มคนในชีวิตของคุณ ผมมองว่าแนวคิดคนเต็มคนเป็นวิถีชีวิต มากกว่าที่จะเป็นพิซซ่าที่แบ่งสัดส่วนชัดเจน ที่มีสี่ชิ้นที่แต่ละชิ้นตัดเป็น 25%

Kheng: เช้าที่ลงตัว ตามที่ John กล่าว ฟังดูเหมือนเป็นสิ่งที่พวกเราแต่ละคนควรพยายามทำให้ได้จริง ๆ ฉันคิดว่ามันอยู่ที่การมีวินัยที่จะทำเช่นนั้นและการมีทัศนคติที่ถูกต้อง เพราะสำหรับตัวฉันเอง ฉันมีกิจวัตรที่คงที่มาก ฉันตื่นนอนตอน 6 โมงเช้า ฉันจะไปปั่นจักรยาน ทำสมาธิ แล้วฉันจะคิดว่าฉันต้องการทำอะไรในวันข้างหน้า นี่คือวิธีที่ฉันเริ่มต้นแต่ละวัน และฉันคิดว่ามีส่วนช่วยในการแสวงหาชีวิตแบบคนเต็มคนโดยรวมของฉัน

เคยมีช่วงเวลาที่หลุดจากระบบที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้หรือไม่ คุณผ่านช่วงเวลาที่กระบวนการของคุณไม่ได้ผลดีเท่าที่คุณต้องการได้อย่างไร

Kheng: สำหรับช่วงเวลาที่ฉันไม่สามารถบรรลุเป้าหมายสำหรับวันหรือสำหรับเดือนนั้น ฉันจะทำงานหนักเป็นสองเท่าเพื่อชดเชยสิ่งที่ฉันพลาดไปหรือสูญเสียไป ฉันใส่ใจมากกับสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำ เพื่อที่ฉันจะได้ทำในภายหลัง

Nichols: ผมมองต่างออกไปเล็กน้อย ผมพยายามลืมสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ และมุ่งเน้นไปที่พฤติกรรมปัจจุบันของผมมากกว่า ผมสนใจแต่ว่าวันนี้ผมกำลังทำอะไร ผมมีสถิติการวิ่งต่อเนื่อง ผมวิ่งทุกวันมา 365 วันแล้ว ถ้าผมหลุดจากสถิตินั้น สมมติว่าเนื่องจากป่วย สิ่งที่ผมโฟกัสคือการกลับไปสร้างสถิติใหม่ ผมก็แค่เริ่มต้นทำสถิติใหม่ เหมือนว่า เฮ้อ สัปดาห์นี้ผมขายไม่ได้เลย ผมจะลืมสัปดาห์นี้ไป และมุ่งเน้นไปที่พฤติกรรมของผม ผมต้องทำอะไรบ้างเพื่อกลับไปสร้างสถิติต่อเนื่องอีกครั้ง ผมกังวลเรื่องรางวัลน้อยลง เมื่อผมตั้งเป้าหมายสำหรับปีนั้นแล้ว

ตัวอย่างเช่น ถ้าเป้าหมายคือการเป็น MDRT หรือในกรณีของผมคือการเป็น Top of the Table ผมก็จะลืมมันไป และผมจะมุ่งเน้นอย่างมากไปที่พฤติกรรม อย่างเช่น ผมต้องโทรศัพท์กี่สาย ผมต้องนัดพบลูกค้ากี่ครั้ง ผมแค่มุ่งเน้นไปที่พฤติกรรมในแต่ละวันของผม เพราะพฤติกรรมที่สั่งสมกันไปในแต่ละวันนั้นก็เหมือนดอกเบี้ยทบต้น มันจะทบกันขึ้นมากเรื่อย ๆ จนได้รับผลตอบแทน

Kheng: ฉันดีใจที่เราไม่เหมือนกันนะ John

Nichols: นั่นสิ เราไม่เหมือนกันเท่าไหร่

Kheng: ต่างคนต่างวิธี แต่สุดท้ายก็ได้ผลสำหรับพวกเราแต่ละคน

Nichols: ผมคิดว่าคุณพูดถึงสิ่งที่สำคัญมาก และผมก็มีคติประจำใจสำหรับเรื่องนั้นด้วย นั่นคือ “การแข่งขันของผม จังหวะก้าวของผม” ผมวิ่งมาราธอนมา 13 ครั้งแล้ว และก็เหมือนกับว่า “คุณวิ่งมาราธอนมา 13 ครั้ง คุณทำได้ยังไงกัน” ก็นั่นแหละ การแข่งขันของผม จังหวะก้าวของผม ผมไม่ค่อยเปรียบเทียบตัวเองกับ Carol หรือนักวิ่งคนอื่น ๆ เพราะอะไรคุณรู้ไหม พวกเขามีองค์ประกอบที่แตกต่างกัน มีนักวิ่งหลายคนที่เร็วกว่าผมมาก และก็มีนักวิ่งบางคนที่ช้ากว่าผมเล็กน้อย ผมไม่สนใจเรื่องนั้น ผมโฟกัสที่ตัวผมเอง และการแข่งขันของผม จังหวะก้าวของผม ผมเก็บเกี่ยวไอเดียจากผู้คนอย่าง Carol และแน่นอนว่า MDRT ได้มอบแนวคิดมากมายที่ผมนำมาปรับใช้กับชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ของผม แล้วนำไปปฏิบัติในแบบของผมที่เข้ากับโลกของผม แทนที่จะพยายามเป็นคนอื่น

Kheng: นั่นคือจิตวิญญาณของ MDRT อย่างแท้จริง นั่นคือความสามารถในการเรียนรู้จากสมาชิกทุกคนที่เต็มใจแชร์ชีวิตและสิ่งที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเราด้วยว่าเราต้องการนำสิ่งนั้นมาใช้ในชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน และสิ่งที่ได้ผลล้วนแตกต่างกันไปในแต่ละคน

Contact

Carol Kheng carolkheng@yahoo.com
John Nichols jfn@johnfnichols.com

Matt Pais
Matt Pais
ใน นิตยสาร Round The Table1 พ.ค. 2568

ออกไปใช้ชีวิต

การนำแนวคิดคนเต็มคนมาปฏิบัติ

ชีวิตที่สมดุล
‌
‌

ผู้เขียน

Matt Pais

MDRT senior content specialist

  • เกี่ยวกับ
  • เข้าร่วมเป็นสมาชิก
  • กิจกรรม
  • แหล่งข้อมูล