ในโลกของการให้คำปรึกษาทางการเงิน ความไว้วางใจ คือสกุลเงินที่มีค่ามากที่สุด ทว่า ในขณะที่เราทุ่มเทเพื่อสร้างความมั่งคั่งและปกป้องผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้า ภูมิทัศน์ของกฎระเบียบที่ซับซ้อนก็เป็นเสมือนคลื่นใต้น้ำที่เราต้องเผชิญอยู่เสมอ การปฏิบัติตามกฎจึงไม่ใช่เพียงภาระหน้าที่ที่ต้องทำตาม แต่เป็นรากฐานของความเป็นมืออาชีพที่หล่อหลอมความเชื่อมั่นระยะยาวระหว่างที่ปรึกษาและลูกค้า คุณเอกชัย เหรียญทอง สมาชิก MDRT 6 ปี ผู้สั่งสมประสบการณ์ในสายงานที่ปรึกษาทางการเงินมากกว่า 18 ปี และดูแลลูกค้ากว่า 500 ราย ในหลากหลายกลุ่ม ตั้งแค่บุคคลทั่วไป พนักงานบริษัท ไปจนถึงกลุ่มนักลงทุนระดับสูง จะมาร่วมถ่ายทอดมุมมองและประสบการณ์จริงในการรับมือกับความท้าทายด้านกฎระเบียบที่ซับซ้อน พร้อมเผยแนวทาง เครื่องมือ และระบบสนับสนุนที่ช่วยให้ทีมของเขายังคงรักษามาตรฐานแห่งความเป็นมืออาชีพนี้ไว้ได้ 

 

ภูมิทัศน์ด้านกฎระเบียบที่เปรียบเสมือนคลื่นใต้น้ำของที่ปรึกษาทางการเงินไทย 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับดูแลในประเทศไทยได้ยกระดับมาตรฐานและข้อกำหนดให้เข้มงวดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องนักลงทุนและรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงิน ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ ที่ปรึกษาทางการเงินจำเป็นที่จะไม่เพียงเข้าใจกฎระเบียบ แต่ต้องสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับพลวัตของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว คุณเอกชัยกล่าวถึงภูมิทัศน์ทางการเงินและกฎระเบียบในปัจจุบันเอาไว้ว่า “ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน ประกันชีวิตและผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จากเดิมที่เน้นความคุ้มครอง การรักษาพยาบาล หรือการออมทรัพย์ มาสู่ผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนขึ้นอย่างประกันชีวิตควบการลงทุน ซึ่งทำให้ที่ปรึกษาทางการเงินเองต้องพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญให้ทันกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ขณะเดียวกันก็ต้องปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับกฎระเบียบต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาความเป็นมืออาชีพ และสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ามองเห็นว่า ที่ปรึกษาไม่ได้เพียงดูแลผลประโยชน์ทางการเงินเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็น ‘ผู้พิทักษ์ความมั่นคงทางการเงิน’ ที่ลูกค้าสามารถไว้วางใจได้อย่างแท้จริง” 

คุณเอกชัยยังกล่าวเสริมถึงตัวอย่างของกฎระเบียบและข้อปฏิบัติที่อาจสร้างความท้าทายให้กับผู้ประกอบอาชีพที่ปรึกษาทางการเงินว่า “อย่างแรกคือ กฎของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลและการรายงานทางการเงิน ซึ่งต้องมีความถูกต้องและครบถ้วนตามมาตรฐานบัญชี เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลที่เพียงพอและทันเวลาในการตัดสินใจ ต่อมาคือ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่ต้องอาศัยความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมทางการเงินที่ผิดปกติ และการประสานงานอย่างเป็นระบบเพื่อจัดทำรายงานตามข้อกำหนดของกฎหมาย นอกจากนี้ ยังรวมถึงการจัดทำ Working Paper ที่ต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การเขียนอย่างเป็นระบบ และการนำเสนอให้เข้าใจง่าย ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนและความละเอียดรอบคอบที่อาชีพนี้ต้องให้ความสำคัญในทุกขั้นตอน” 

แม้เส้นทางของการทำงานภายใต้กรอบของกฎระเบียบจะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่สำหรับคุณเอกชัยแล้ว นี่คือแรงพลักดันที่ทำให้เขาและทีมพัฒนาแนวทางการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผ่านการใช้เครื่องมือและระบบสนับสนุนที่ช่วยให้การให้คำปรึกษายังคงเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล พร้อมมุ่งสร้างความเชื่อมั่นอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม 

 

ก้าวข้ามความท้าทาย สู่การให้บริการที่เหนือระดับ 

เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับกฎระเบียบ คุณเอกชัยได้พัฒนาระบบและแนวทางปฏิบัติภายในองค์กรที่ช่วยให้ทีมสามารถบริหารจัดการความซับซ้อนทางกฎหมายและข้อกำหนดได้อย่างราบรื่น โดยได้แนะนำ 2 ระบบสำคัญที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยยกระดับมาตรฐานการทำงานได้อย่างแท้จริง ได้แก่ 

1. การจัดทำคู่มือการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Compliance Manual) คือเอกสารที่รวบรวมกฎหมาย กฎเกณฑ์ นโยบาย และแนวทางการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขององค์กร เพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถเข้าใจและปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและเป็นมาตรฐานเดียวกัน คุณเอกชัยอธิบายเพิ่มเติมว่า “ผมจะจัดทำคู่มือให้ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการทุจริต การฟอกเงิน และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมเผยแพร่ให้พนักงานเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย เช่น ผ่านอินทราเน็ตหรือเอกสารฉบับย่อย พร้อมจัดการฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน และปรับปรุงคู่มือให้เป็นปัจจุบันเมื่อมีข้อกฎหมายหรือข้อกำหนดใหม่ ๆ ออกมา”
2. ระบบตรวจสอบภายใน (Internal Audit System) คือกระบวนการตรวจสอบภายในที่เป็นอิสระและเป็นกลาง ทำหน้าที่ประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพของการควบคุมภายใน การบริหารความเสี่ยง และการกำกับดูแลกิจการ โดยมุ่งเน้นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงด้านกฎระเบียบ ผ่านขั้นตอนที่เป็นระบบ ตั้งแต่การวางแผนการตรวจสอบ การสัมภาษณ์ ตรวจเอกสาร และสังเกตการณ์จริง ไปจนถึงการจัดทำรายงานข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุง และติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงทีและเป็นรูปธรรม 

อย่างไรก็ตาม สำหรับที่ปรึกษาทางการเงิน การปฏิบัติตามกฎระเบียบไม่ได้จบอยู่เพียงที่กระบวนการภายในเท่านั้น แต่ยังต้องสะท้อนออกไปสู่ประสบการณ์ของลูกค้าในทุกขั้นตอนของการให้บริการ คุณเอกชัยจึงให้ความสำคัญกับการทำให้การปฏิบัติตามกฎไม่เป็นอุปสรรคต่อความพึงพอใจของลูกค้า โดยแนะนำแนวทางสำคัญ 2 ประการคือ 

1. การสื่อสารอย่างโปร่งใสและเข้าใจง่าย: ให้ข้อมูลที่ชัดเจนแก่ลูกค้าเกี่ยวกับเหตุผลและความจำเป็นของการปฏิบัติตามกฎ เช่น การยืนยันตัวตน (KYC) หรือการตรวจสอบธุรกรรม (AML) เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจว่านี่คือกระบวนการที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงและคุ้มครองผลประโยชน์ของพวกเขาเอง อาจจัดทำคู่มือฉบับย่อหรืออินโฟกราฟิกอธิบายขั้นตอนที่เข้าใจง่าย ร่วมส่งถึงอีเมลแจ้งเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องเตรียม เพื่อช่วยให้ขั้นตอนดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น
2. การนำเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับประสิทธิภาพ: ปรับปรุงกระบวนการทำงานที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบให้คล่องตัวและลดความซับซ้อนด้วยการใช้เทคโนโลยี เช่น ระบบยืนยันตัวตนแบบดิจิทัล (Digital ID) หรือการกรอกข้อมูลและเอกสารบนออนไลน์ เพื่อช่วยลดเวลาการดำเนินงาน ลดการใช้เอกสารกระดาษ และสร้างประสบการณ์ที่สะดวกและเป็นมิตรกับลูกค้ามากขึ้น  

ในมุมมองของคุณเอกชัย การปฏิบัติตามกฎระเบียบไม่ควรถูกมองว่าเป็นข้อจำกัด แต่คือโอกาสในการยกระดับมาตรฐานการให้บริการ และสร้างความไว้วางใจในระยะยาวระหว่างที่ปรึกษาและลูกค้า เขากล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ในปัจจุบัน มีกฎระเบียบและข้อบังคับใหม่ ๆ ออกมาอยู่เสมอ ผมไม่อยากให้เรามองว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้การทำงานยากขึ้น แต่อยากให้มองว่ามันคือโอกาสที่ช่วยให้เราพัฒนาการทำงานให้เป็นระบบและมืออาชีพมากยิ่งขึ้น การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และปรับตัวอยู่เสมอจะทำให้เราก้าวไปพร้อมกับโลก เพราะวันนี้ เพียงแค่เราหยุดพัฒนา นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความล้าหลัง” 

 

Contact: MDRTeditorial@teamlewis.com